หน่วยแสดงผล คือ
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล
การแสดงผลลัพธ์ แบ่งเป็น 2 แบบ
แสดงผลทางบนจอภาพ
การแสดงผลทางจอภาพ เรียกได้อีกอย่างว่าเป็น Soft Copy คือ จะแสดงผลลัพธ์ขณะที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ อุปกรณ์คือ จอภาพคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งภาพบนจอประกอบด้วยจุดหรือ pixel หลายๆ pixel สามารถแสดงผลความละเอียดได้หลายระดับ เช่น 640 * 480 จุด , 800 * 600 จุด , 1024 * 786 จุด
แสดงผลทางเครื่องพิมพ์
การแสดงผลทางจอภาพ หรือเรียกได้อีกอย่างว่าเป็น Hard Copy คือ สามารถแสดงผลลัพธ์คงทนอยู่นาน ไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าเลี้ยง อุปกรณ์ที่ใช้ คือ Printer
วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
เด็กหญิง ป.5 ฆ่าตัวตาย
สุดสลด นักเรียนหญิงชั้น ป.5 คว้าปืนของตายิงตัวตายคาบ้าน ยายเผยหลานสาวเก็บกด ถูกเพื่อนล้อเป็นกำพร้ามาตั้งแต่เด็กๆ ล่าสุดถูกขู่ดักตบหาทำตัวเด่นดังจนไม่ยอมไปโรงเรียน
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ร.ต.ท.ชิต สังข์แก้ว ร้อยเวร สภ.ย่อยเขาพังไกร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งมีคนยิงตัวตาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.เถลิงศักดิ์ บุญช่วย สว.ทำหน้าที่หัวหน้า สภ.ย่อยเขาพังไกร ไปสอบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว พบศพ ด.ญ.จันทกาญจน์ สะรุติรัตน์วรกุล อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หัวไทร นอนตายในห้องนอน มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 เข้าที่กลางหน้าอก 1 นัด กระสุนทะลุหลัง ที่มือขวายังกำปืนพกสั้นขนาด .38 ในรังเพลิงมีปลอกกระสุนคาอยู่ 1 ปลอก และกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 2 นัด
นางเลียง อายุ 59 ปี ยายของ ด.ญ.จันทกาญจน์ ให้การว่า ด.ญ.จันทกาญจน์เป็นหลานและเป็นเด็กกำพร้า พ่อกับแม่แยกทางกัน แม่คือลูกสาวของตน นำมาให้ตนเลี้ยงตั้งแต่อายุ 1 เดือน ปกติเป็นคนเรียบร้อย เรียนดี ได้ที่ 1 มาตั้งแต่ชั้น ป.1 และสอบได้ที่ 1 ของห้องทุกปี แต่มีปัญหาสะสมมานาน เนื่องจากหลานสาวถูกเพื่อนในหมู่บ้านล้อเลียนเรื่องเป็นลูกกำพร้า กลายเป็นปมด้อย ทำให้เก็บกดตั้งแต่ยังเล็ก ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนกลับมาบ้านก็ร้องไห้ซบอกตนเป็นประจำ บอกว่าเพื่อนล้อ น้อยใจ ไม่อยาก มี ชีวิตอยู่ ต้องคอยปลอบตลอดมา นอกจากนี้เวลาไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อนหญิงกลุ่มหนึ่งตั้งข้อรังเกียจ กลั่นแกล้ง จนหลานไม่อยากไปเรียนหนังสือ
นางเลียงเล่าว่า ล่าสุดเพื่อนหญิงกลุ่มเดิมราว 4-5 คน ได้ขู่หลานสาวว่าจะยกพวกมาตบ หาว่าหลานหยิ่งยะโส เป็นเด็กกำพร้าแล้วทำตัวเด่นเรียนดี มีเรื่องชอบฟ้องครู อยากจะเป็นเหมือนนางเอกหนังเรื่องดาวพระศุกร์ เหมือนพจมานนางเอกละครเรื่องบ้านทรายทอง กระทั่งเมื่อคืนวันพุธ หลานมาฟ้องเรื่องทำนองนี้อีก ตนจึงบอกว่าถ้ามีใครมาทำร้ายให้บอกครู กระทั่งเช้าหลานบอกว่าไม่ค่อยสบาย ส่วนตนไม่สงสัย เข้าครัวทำกับข้าวเพื่อให้หลานกินก่อนไปโรงเรียน ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงปืนและพบว่าหลานฆ่าตัวตายแล้ว
พ.ต.ท.เถลิงศักดิ์ บุญช่วย สว.ทำหน้าหน้าที่หัวหน้า สภ.ย่อยเขาพังไกร กล่าวว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุ สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง คาดว่าผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงตัวตายเอง มีสาเหตุมาจากความเครียด กดดัน และเก็บกดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งการถูกเพื่อนข่มขู่ จึงได้หยิบปืนของตาที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ามาปลิดชีวิตตนเอง ซึ่งตำรวจจะได้เชิญครูที่โรงเรียนมาสอบปากคำ รวมทั้งเพื่อนนักเรียนมาสอบสวนต่อหน้าพนักงานอัยการ นักสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุหรือแรงจูงใจการฆ่าตัวตายให้แน่ชัด.
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ร.ต.ท.ชิต สังข์แก้ว ร้อยเวร สภ.ย่อยเขาพังไกร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งมีคนยิงตัวตาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.เถลิงศักดิ์ บุญช่วย สว.ทำหน้าที่หัวหน้า สภ.ย่อยเขาพังไกร ไปสอบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว พบศพ ด.ญ.จันทกาญจน์ สะรุติรัตน์วรกุล อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หัวไทร นอนตายในห้องนอน มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 เข้าที่กลางหน้าอก 1 นัด กระสุนทะลุหลัง ที่มือขวายังกำปืนพกสั้นขนาด .38 ในรังเพลิงมีปลอกกระสุนคาอยู่ 1 ปลอก และกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 2 นัด
นางเลียง อายุ 59 ปี ยายของ ด.ญ.จันทกาญจน์ ให้การว่า ด.ญ.จันทกาญจน์เป็นหลานและเป็นเด็กกำพร้า พ่อกับแม่แยกทางกัน แม่คือลูกสาวของตน นำมาให้ตนเลี้ยงตั้งแต่อายุ 1 เดือน ปกติเป็นคนเรียบร้อย เรียนดี ได้ที่ 1 มาตั้งแต่ชั้น ป.1 และสอบได้ที่ 1 ของห้องทุกปี แต่มีปัญหาสะสมมานาน เนื่องจากหลานสาวถูกเพื่อนในหมู่บ้านล้อเลียนเรื่องเป็นลูกกำพร้า กลายเป็นปมด้อย ทำให้เก็บกดตั้งแต่ยังเล็ก ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนกลับมาบ้านก็ร้องไห้ซบอกตนเป็นประจำ บอกว่าเพื่อนล้อ น้อยใจ ไม่อยาก มี ชีวิตอยู่ ต้องคอยปลอบตลอดมา นอกจากนี้เวลาไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อนหญิงกลุ่มหนึ่งตั้งข้อรังเกียจ กลั่นแกล้ง จนหลานไม่อยากไปเรียนหนังสือ
นางเลียงเล่าว่า ล่าสุดเพื่อนหญิงกลุ่มเดิมราว 4-5 คน ได้ขู่หลานสาวว่าจะยกพวกมาตบ หาว่าหลานหยิ่งยะโส เป็นเด็กกำพร้าแล้วทำตัวเด่นเรียนดี มีเรื่องชอบฟ้องครู อยากจะเป็นเหมือนนางเอกหนังเรื่องดาวพระศุกร์ เหมือนพจมานนางเอกละครเรื่องบ้านทรายทอง กระทั่งเมื่อคืนวันพุธ หลานมาฟ้องเรื่องทำนองนี้อีก ตนจึงบอกว่าถ้ามีใครมาทำร้ายให้บอกครู กระทั่งเช้าหลานบอกว่าไม่ค่อยสบาย ส่วนตนไม่สงสัย เข้าครัวทำกับข้าวเพื่อให้หลานกินก่อนไปโรงเรียน ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงปืนและพบว่าหลานฆ่าตัวตายแล้ว
พ.ต.ท.เถลิงศักดิ์ บุญช่วย สว.ทำหน้าหน้าที่หัวหน้า สภ.ย่อยเขาพังไกร กล่าวว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุ สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง คาดว่าผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงตัวตายเอง มีสาเหตุมาจากความเครียด กดดัน และเก็บกดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งการถูกเพื่อนข่มขู่ จึงได้หยิบปืนของตาที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ามาปลิดชีวิตตนเอง ซึ่งตำรวจจะได้เชิญครูที่โรงเรียนมาสอบปากคำ รวมทั้งเพื่อนนักเรียนมาสอบสวนต่อหน้าพนักงานอัยการ นักสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุหรือแรงจูงใจการฆ่าตัวตายให้แน่ชัด.
โดนแฟนหรอกไปข่มขืน
สลดเด็กหญิง ม.2 วัย 14 ปี ถูกแฟนหนุ่มลวงไปดูหนังโป๊ที่บ้าน ก่อนข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ไม่หนำใจโทร.เรียกเพื่อนอีก 10 คนมาร่วมรุมโทรมด้วย เหยื่อกามปิดปากเงียบกลัวเรื่องฉาวแล้วอับอาย แต่เกิดปวดท้องน้อยจนเก็บอาการไว้ไม่ไหว ต้องให้พ่อพาไปตรวจภายในที่โรงพยาบาล ตะลึง เจอถุงยางอนามัยทะลักหลุดจากช่องคลอด พ่อรีบพาลูกสาวโร่แจ้งความ แต่พนักงานสอบสวนกลับไล่ให้ไปไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี สุดทนเข้าร้องเรียนกับผู้กำกับโรงพักให้ช่วยเร่งรัดคดีลากตัวแก๊งโฉดมารับ โทษโดยเร็ว
สังคมวิปริตหนัก เด็กหญิง ม.2 ถูกแฟนหนุ่มลวงไปให้เพื่อนกว่า 10 คนรุมโทรมยับรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค. ผู้ปกครองของ ด.ญ.แนน (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง เข้าร้องเรียนกับ พ.ต.อ.สุธีร์ เศรษฐวงศ์ ผกก.สภ.สำโรง จ.อุบลราชธานี ว่า บุตรสาวถูกแฟนหนุ่มล่อลวงไปให้เพื่อนกว่า 10 คนรุมโทรม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.52 แต่ผู้ปกครองทราบเรื่องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. จึงพาบุตรสาวเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ จีระเพียรพันธุ์ พงส. (สบ 3) สภ.สำโรง ซึ่งเข้าเวรอยู่ขณะนั้น แต่ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์กลับบอกให้ไปเจรจากับบรรดาผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นก่อน โดยยังไม่ยอมสอบปากคำผู้เสียหาย และจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิด ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ชอบมาพากล จึงเข้าร้องเรียน หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.สุธีร์ ได้เรียก พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ไปสอบถาม พร้อมสั่งให้รีบดำเนินการสอบสวนและรับคดี พร้อมติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.สุธีร์ เศรษฐวงศ์ ผกก.สภ.สำโรง สอบสวนเบื้องต้นได้ความว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.52 ด.ญ.แนน ผู้ เสียหาย ถูกนายหิน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งคบหาเป็นแฟนกัน ล่อลวงไปที่บ้านแล้วเปิดวีซีดีหนังโป๊ให้ดู และล่วงละเมิดทางเพศจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นหลอกผู้เสียหายว่าจะพาไปส่งที่บ้าน แต่นายหินกลับพาไปยังใต้กอไผ่ในที่เปลี่ยว ซึ่งได้นัดกับเพื่อนอีก 4 คน คือ นายอั้น นายต๊อก นายแอ๊ด และนายหนึ่ง ให้ดักรออยู่ จากนั้นยึดโทรศัพท์มือถือแล้วช่วยกันจับร่าง ด.ญ.แนน ขึงพืดร่วมกันรุมโทรมจนสำเร็จความใคร่ครบทุกคน ระหว่างนั้นนายหินยังโทรศัพท์ไปเรียกให้กลุ่มเพื่อนอีก 6 คน ไปรุมโทรม ด.ญ.แนนต่อ แล้วจึงพาไปส่งที่บ้านในสภาพที่สะบักสะบอม
ต่อมา ด.ญ.แนนมีอาการเจ็บปวดที่ท้องน้อย จึงเล่าเรื่องที่ปวดท้องให้มารดาของเพื่อน ซึ่งเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวฟัง กระทั่งวันที่ 18 ธ.ค. ผู้ปกครองของ ด.ญ.แนน ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านดังกล่าว แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวจึงบอกให้พาลูกสาวไปตรวจภายในที่ รพ.สำโรง แต่ขณะที่ ด.ญ. แนนไปเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาล และนั่งปัสสาวะ ปรากฏว่ามีถุงยางอนามัย 1 อันหลุดออกมาจากช่องคลอด จึงเก็บไปให้ผู้ปกครองดู พร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากแพทย์ตรวจรักษาแล้ว ผู้ปกครองจึงพา ด.ญ.แนน ไปแจ้งความ แต่แทนที่ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์จะรับแจ้งความ กลับนัดคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยให้ยอมความกันดังกล่าว
ด้านพ่อของ ด.ญ.แนน ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนและภรรยาไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วน ด.ญ.แนน ลูกสาว ฝากให้อยู่กับผู้เป็นยาย ก่อนทราบเรื่องราวสะเทือนใจที่เกิดขึ้น ตนเดินทางกลับมาบ้านเพื่อเลือกตั้ง อบต. และไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน แม่ค้าจึงบอกให้ฟังว่าลูกสาวมีอาการปวดท้องน้อย ควรจะพาไปตรวจภายในที่โรงพยาบาล กระทั่งพบถุงยางอนามัยค้างอยู่ในช่องคลอดลูกสาว และแพทย์ลงความเห็นว่าลูกสาวถูกข่มขืนจริง จึงอยากให้ ตำรวจจับกุมคนร้ายโดยเร็ว อยากให้คดีเสร็จๆไป จะได้กลับไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูก
"ตนไม่ยอมไกล่เกลี่ยเพราะไม่อยาก ได้เงินทอง และไม่อยากให้คนชั่วลอยนวล สงสารแต่ลูก หลังจากเกิดเรื่องก็อับอายไม่ได้ไปโรงเรียน และกลายเป็นคนเศร้าซึม ที่น่ากลัวคือไม่รู้ว่าลูกจะไปติดโรคร้ายมาหรือเปล่า เพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังเจ็บปวดในท้องน้อยอยู่ อย่างไรก็ตามยังพอมีกำลังใจและมีความหวังอยู่บ้าง เนื่องจาก ผกก.สภ.สำโรงรับปากว่าจะรีบเร่งติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหามาดำเนินคดีทุก คน เพราะคดีนี้ไม่สามารถยอมความได้" พ่อของเด็กหญิงผู้เสียหายกล่าว
สังคมวิปริตหนัก เด็กหญิง ม.2 ถูกแฟนหนุ่มลวงไปให้เพื่อนกว่า 10 คนรุมโทรมยับรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค. ผู้ปกครองของ ด.ญ.แนน (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง เข้าร้องเรียนกับ พ.ต.อ.สุธีร์ เศรษฐวงศ์ ผกก.สภ.สำโรง จ.อุบลราชธานี ว่า บุตรสาวถูกแฟนหนุ่มล่อลวงไปให้เพื่อนกว่า 10 คนรุมโทรม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.52 แต่ผู้ปกครองทราบเรื่องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. จึงพาบุตรสาวเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ จีระเพียรพันธุ์ พงส. (สบ 3) สภ.สำโรง ซึ่งเข้าเวรอยู่ขณะนั้น แต่ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์กลับบอกให้ไปเจรจากับบรรดาผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นก่อน โดยยังไม่ยอมสอบปากคำผู้เสียหาย และจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิด ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ชอบมาพากล จึงเข้าร้องเรียน หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.สุธีร์ ได้เรียก พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ไปสอบถาม พร้อมสั่งให้รีบดำเนินการสอบสวนและรับคดี พร้อมติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.สุธีร์ เศรษฐวงศ์ ผกก.สภ.สำโรง สอบสวนเบื้องต้นได้ความว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.52 ด.ญ.แนน ผู้ เสียหาย ถูกนายหิน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งคบหาเป็นแฟนกัน ล่อลวงไปที่บ้านแล้วเปิดวีซีดีหนังโป๊ให้ดู และล่วงละเมิดทางเพศจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นหลอกผู้เสียหายว่าจะพาไปส่งที่บ้าน แต่นายหินกลับพาไปยังใต้กอไผ่ในที่เปลี่ยว ซึ่งได้นัดกับเพื่อนอีก 4 คน คือ นายอั้น นายต๊อก นายแอ๊ด และนายหนึ่ง ให้ดักรออยู่ จากนั้นยึดโทรศัพท์มือถือแล้วช่วยกันจับร่าง ด.ญ.แนน ขึงพืดร่วมกันรุมโทรมจนสำเร็จความใคร่ครบทุกคน ระหว่างนั้นนายหินยังโทรศัพท์ไปเรียกให้กลุ่มเพื่อนอีก 6 คน ไปรุมโทรม ด.ญ.แนนต่อ แล้วจึงพาไปส่งที่บ้านในสภาพที่สะบักสะบอม
ต่อมา ด.ญ.แนนมีอาการเจ็บปวดที่ท้องน้อย จึงเล่าเรื่องที่ปวดท้องให้มารดาของเพื่อน ซึ่งเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวฟัง กระทั่งวันที่ 18 ธ.ค. ผู้ปกครองของ ด.ญ.แนน ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านดังกล่าว แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวจึงบอกให้พาลูกสาวไปตรวจภายในที่ รพ.สำโรง แต่ขณะที่ ด.ญ. แนนไปเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาล และนั่งปัสสาวะ ปรากฏว่ามีถุงยางอนามัย 1 อันหลุดออกมาจากช่องคลอด จึงเก็บไปให้ผู้ปกครองดู พร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากแพทย์ตรวจรักษาแล้ว ผู้ปกครองจึงพา ด.ญ.แนน ไปแจ้งความ แต่แทนที่ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์จะรับแจ้งความ กลับนัดคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยให้ยอมความกันดังกล่าว
ด้านพ่อของ ด.ญ.แนน ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนและภรรยาไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วน ด.ญ.แนน ลูกสาว ฝากให้อยู่กับผู้เป็นยาย ก่อนทราบเรื่องราวสะเทือนใจที่เกิดขึ้น ตนเดินทางกลับมาบ้านเพื่อเลือกตั้ง อบต. และไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน แม่ค้าจึงบอกให้ฟังว่าลูกสาวมีอาการปวดท้องน้อย ควรจะพาไปตรวจภายในที่โรงพยาบาล กระทั่งพบถุงยางอนามัยค้างอยู่ในช่องคลอดลูกสาว และแพทย์ลงความเห็นว่าลูกสาวถูกข่มขืนจริง จึงอยากให้ ตำรวจจับกุมคนร้ายโดยเร็ว อยากให้คดีเสร็จๆไป จะได้กลับไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูก
"ตนไม่ยอมไกล่เกลี่ยเพราะไม่อยาก ได้เงินทอง และไม่อยากให้คนชั่วลอยนวล สงสารแต่ลูก หลังจากเกิดเรื่องก็อับอายไม่ได้ไปโรงเรียน และกลายเป็นคนเศร้าซึม ที่น่ากลัวคือไม่รู้ว่าลูกจะไปติดโรคร้ายมาหรือเปล่า เพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังเจ็บปวดในท้องน้อยอยู่ อย่างไรก็ตามยังพอมีกำลังใจและมีความหวังอยู่บ้าง เนื่องจาก ผกก.สภ.สำโรงรับปากว่าจะรีบเร่งติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหามาดำเนินคดีทุก คน เพราะคดีนี้ไม่สามารถยอมความได้" พ่อของเด็กหญิงผู้เสียหายกล่าว
เบอร์มรณะ
หนึ่งในฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ยังคงส่งต่อถึงกันตั้งแต่หลายปีก่อน มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หมดไป และสร้างความฉงนให้กับผู้รับเป็นอย่างมาก นั่นคือ เรื่อง เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย ที่มักจะมีคนเขียนข้อความทำนองว่า "อย่ารับเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้เป็นอันขาด เพราะคุณอาจเสียชีวิตได้" จนมีผู้เรียกขานเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ เหล่านั้นว่า เบอร์มรณะ แม้กระทั่งภาพยนตร์เรื่อง 999-9999 ต่อ - ติด - ตาย ก็ยังมีพล็อตกล่าวถึง เบอร์มรณะ เช่นกัน ทำให้หลายคนสงสัยว่า จริง ๆ แล้ว เบอร์มรณะ มีจริงหรือแกล้งกันเล่นแน่
ล่าสุด กระแสข่าว เบอร์มรณะ กำลังถูกกระพืออีกครั้งผ่านปากต่อปากในหลายจังหวัดของภาคเหนือ โดยมีเสียงโจษจันต่อ ๆ กันมาว่า "ระวัง! ห้ามรับโทรศัพท์เบอร์ 083336xxxx , 083336xxxx , 083333xxxx เด็ดขาด เพราะคุณจะจบชีวิตลงแน่นอน" พร้อมกับระบุว่า มีหลายคนที่เสียชีวิตอย่างปริศนาจาก เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย นี่มาแล้ว
นอกจากนี้ ข่าวลือยังระบุอีกว่า เบอร์มรณะ ที่โทรศัพท์เข้ามาจะโชว์เป็นเบอร์สีแดง โดยทุกคนที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์สีแดง จะเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีการอ้างว่า หลายจังหวัดในภาคเหนือมีผู้เสียชีวิตจาก เบอร์มรณะ มาหลายคนแล้ว โดยมีอาการแก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายปุ๊ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ชั้นปีที่ 3 ของสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ตกเป็นเหยื่อเบอร์โทรศัพท์มรณะจนล้มป่วยนอนซมอยู่ที่ รพ.ห้างฉัตร เมื่อผู้สื่อข่าวรุดไปตรวจสอบ ก็พบว่านายปุ๊อยู่ในชุดคนไข้นอนซมอยู่บนเตียง ภายในตึกผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยสามัญชาย สภาพมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง และมีนางแก้ว (นามสมมติ) มารดา นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ด้วยความห่วงใย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปาก แต่นายปุ๊ปฏิเสธที่จะเล่าให้ฟังพร้อมมีสีหน้าหวาดผวาเล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่ายังผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น พอนึกถึงหรือพูดถึงที่ไร จะมีอาการแข้งขาชา แน่นหน้าอกหายใจติดขัด อย่างไรก็ดี นายปุ๊ได้ให้มารดาเล่าให้ฟังแทน
นางแก้วเปิดเผยว่า ลูกชายเล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ ผ่านมา ขณะนั่งเล่นอยู่ในห้องบนบ้าน เพื่อนคนหนึ่งก็โทรฯ เข้าโทรศัพท์มือถือลูกชาย หลังคุยกันได้ 2-3 นาที ก็วางสายไป คราวนี้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ลูกชายก็คิดว่าเป็นเพื่อนคนเดิมโทรฯ มา แต่พอรับสายยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ ก็มีเสียงคล้ายคนสวดมนต์เป็นภาษาบาลี หรือภาษาอะไรไม่แน่ใจ สำเนียงเนิบ ๆ ช้า ๆ น่าขนลุก พอฟังไป ได้แป๊บเดียวลูกชายก็มีอาการขนลุกวาบตัวชา รุ่มร้อนเหมือนร่างกำลังถูกไฟเผาทั้งเป็น จึงรีบโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง และวิ่งหน้าตาซีดเซียวลงมาหาบิดา พยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่กลับพูดจาไม่ได้ศัพท์ บิดาจับตัวดูเห็นตัวเย็นเฉียบ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และดวงตาลุกวาวเหมือนหวาดกลัวอะไรอย่างหนัก จึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ อปพร.ของ อบต.หนองหล่ม นำตัวส่ง รพ. แพทย์พาตัวเข้าห้องฉุกเฉินฉีดยาและให้น้ำเกลือ พร้อมให้นอนรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ ตนจึงมาเฝ้าดูแลลูกชายด้วยความเป็นห่วง
หลังนางแก้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเสร็จ นายปุ๊ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า ตอนที่ได้ยินเสียงสวดมนต์ ก็นึกถึงข่าวลือเรื่องเบอร์โทรฯ มรณะขึ้นมาทันที ตอนแรกก็คิดว่าเพื่อนคนเดิมโทรฯ มาแกล้ง แต่พอโทรฯ สวนกลับไป ปรากฏว่าไม่ใช่และไม่มีคนรับสายด้วย พร้อมกันนี้นายปุ๊ได้บอกเบอร์โทรศัพท์ฯ ดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.ศิริชัย ภัทรนุภากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลำปาง โดยได้ให้ความเห็นว่า นักศึกษาคนดังกล่าวอาจเกิดอาการคล้ายอุปาทานหมู่ที่เคยเกิดขึ้น กับเด็กนักเรียนก่อนหน้านี้ โดยเพื่อนอาจจะโทรฯ มาล้อเล่น จนเกิดหวาดกลัวอย่างหนัก แต่คงต้องดูด้วยว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ รวมทั้งหากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาจทำให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ จึงขอเตือนผู้ที่นำเรื่องนี้มากลั่นแกล้งกัน ว่า อาจเป็นการทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ สำหรับเรื่อง เบอร์มรณะ นั้น เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สกทช.) กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวได้สร้างผลกระทบอย่างมาก ขนาดที่บางหมู่บ้านตื่นตระหนก จนมีการปิดโทรศัพท์มือถือหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
"จากการตรวจสอบเลขหมายที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่า เป็นเลขหมายระบบเติมเงินในเครือข่ายเอไอเอส 3 เลขหมายและรายเดือน 1 เลขหมาย แต่ทั้ง 4 หมายเลขมีผู้ใช้บริการอยู่ และต้องเดือดร้อนคอยรับโทรศัพท์จากผู้คนจำนวนมากที่ต้องการสอบถามข้อเท็จจริง เป็นการรบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง จนบางรายต้องปิดเครื่องตลอดเวลา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนี้แต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดการโทรไปที่หมายเลขที่เป็นข่าว"
ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า ข่าวลือดังกล่าวกำลังลามไปเรื่อย ๆ ซึ่งทุกประเด็นล้วนไม่มีมูลความจริง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการปล่อยไวรัสผ่านโทรศัพท์มือถือทำให้เครื่องระเบิด หรือปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงทำให้แก้วหูทะลุ เพราะหากเป็นไวรัสจะมีผลทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือหยุดทำงานเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ระเบิดได้ และปัญหาไวรัสจะเกิดได้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น อีกทั้งการระเบิดของโทรศัพท์มือถือจะเกิดจากส่วนแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีการเพิ่มชิปเพื่อป้องกันการลัดวงจรของแบตเตอรี่แล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องการส่งคลื่นเสียงทำให้แก้วหูทะลุนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เพราะแก้วหูจะทะลุได้ไม่ขึ้นกับความถี่แต่ขึ้นกับความดังของเสียง คือประมาณ 160 เดซิเบล ขณะที่ลำโพงโทรศัพท์มือถือไม่สามารถส่งเสียงดังในระดับนั้นได้ หรือแม้แต่เครื่องสลายการชุมนุมด้วยคลื่นเสียงที่ราชการใช้อยู่ ก็ดังสูงสุดที่ 151 เดซิเบลเท่านั้น การส่งคลื่นเสียงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อให้แก้วหูทะลุจึงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ ผอ.สบท.ยังเตือนว่า การโพสต์เลขหมายตามข่าวลือในอินเทอร์เน็ตหรือส่งต่อทางอีเมล์เป็นการสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้บริการเลขหมายดังกล่าว และตรวจสอบแล้วเป็นข้อความที่ไม่เป็นความจริง ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ผู้ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวตอร์ ผู้ที่เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อความเกี่ยวกับเบอร์อันตรายรับแล้วตาย ซึ่งเป็นความเท็จ และทำให้เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย ถูกรบกวนสิทธิ และได้รับเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง จึงมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ม. 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท และมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 326
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่อง เบอร์มรณะ ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แพร่สะพัด ว่า หากผู้ใดรับโทรศัพท์ที่มีเบอร์แปลก ๆ ที่ลงท้ายหรือขึ้นต้นด้วยเลขตอง เช่น 081-333 xxxx หรือ 083-xxxx 444 หรือเบอร์โทรฯ ที่ตัวเลขเป็นสีแดงโชว์ที่หน้าจอโทรศัพท์ ผู้รับจะช็อกตายอย่างไม่ทราบสาเหตุทันที และลือกันว่าที่ผ่านมามีคน เสียชีวิตไปแล้วหลายรายในหลายหมู่บ้านทางภาคเหนือ โดยข่าวลือดังกล่าวได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งจากการบอกเล่าปากต่อปาก และโทรศัพท์บอกกันเป็นทอด ๆ ในเหล่าบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
นางนวล (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ชาวบ้านใน อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องเบอร์โทรฯ ที่ชาวบ้านร่ำลือกัน จนทำให้หวาดระแวงไปทั่วอำเภอนั้น ตนก็รู้ข่าวมาจากญาติที่อยู่ใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้โทรศัพท์มาบอกว่า คนในหมู่บ้านที่นั่นได้รับโทรศัพท์หมายเลขแปลก ๆ ที่โทรฯ เข้ามา พอรับโทรศัพท์ได้สักพักจะเกิดอาการชักกระตุก หน้าเขียวซีด และเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุในเวลาต่อมา ทั้งที่ปกติแล้วสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี นอกจากนี้บางรายพอรับโทรศัพท์มรณะปุ๊บจะล้มลงและเสียชีวิตทันที
ทั้งนี้ ไม่เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.ไชยปราการ เท่านั้น ในเขตพื้นที่ อ.เชียงดาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็มีข่าวลือเช่นเดียวกันนี้แพร่กระจายอย่างหนักเช่นกัน ทำให้ทุกคนในอำเภอตอนนี้ต่างก็โทรศัพท์ไปหาญาติพี่น้อง และลูกหลานที่มีโทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์บ้าน ว่าหากมีใครโทรฯ มาหรือเบอร์แปลก ๆ อย่ารับสายเด็ดขาด ซึ่งตนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจริงเท็จแค่ไหน แต่รู้ต่อ ๆ กันมาว่ามีคนเสียชีวิตไปแล้วหลายคน แม้กระทั่งในต่างจังหวัด เช่นที่ จ.ลำปาง จ.น่าน และ จ.พะเยา ก็มีเรื่องในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน
ด้านนางสาวเมย์ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นชาวไทยใหญ่ บ้านอยู่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนมาทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ และเมื่อไม่นานมานี้แม่ซึ่งอยู่บ้านที่ อ.ฝาง ได้ลงจากดอยและโทรศัพท์มาบอกว่า หากมีเบอร์แปลก ๆ ที่ขึ้นต้นด้วยเลขตองตั้งแต่ 000-999 อย่ารับสายเด็ดขาด ถ้ารับแล้วจะตาย ตอนนี้กลุ่มไทยใหญ่ก็ตายไปแล้วหลายคน ซึ่งตนได้จดเบอร์แปลกต่าง ๆ ที่แม่บอกไว้ใส่ติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา และตอนนี้รู้สึกกลัว ไม่กล้ารับโทรศัพท์มือถืออีกเลย หากไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคย หรือเบอร์ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าจะตายจริง ๆ
"ตอนนี้ในกลุ่มไทยใหญ่ร่ำลือกันว่าเป็นเรื่องลี้ลับ อาจจะเป็นเบอร์ของคนตายที่ตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง พอรับปุ๊บก็จะมีลักษณะคล้ายโดนไฟฟ้าช็อต หรือมีคลื่นความถี่บางอย่างเข้ามาที่หูอย่างแรง ทำให้แก้วหูแตกถึงขั้นหมดสติ และเลือดคั่งในสมองจนตาย" สาวชาวไทยใหญ่ กล่าว
ขณะที่ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ลำปาง รายงานว่า ขณะนี้หลายอำเภอทั่วทั้ง จ.ลำปาง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีคนเสียชีวิตหลายราย หลังจากรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่ง เบอร์มรณะ โทรฯ เข้ามา โดยเฉพาะ บ้านไร่ หมู่ 4 ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง มีชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 3 รายนั้นผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปที่นายชำนาญ เลียบโลก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวเมือง ระบุว่า ข่าวที่มีผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่จากการสำรวจพบว่าชาวบ้านเกิดความกลัว และมีความเชื่อในเรื่องเบอร์มรณะจริง
"ข่าวลือเบอร์โทรศัพท์อันตรายนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่เมื่อมีข่าวลือมาจะไปบังคับให้แต่ละคนไม่ให้เชื่อก็เป็นไปไม่ได้ แต่ควรใช้วิจารณญาณด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ามีข่าวลือจริง และชาวบ้านในอำเภอเมืองปานก็พากันหวาดกลัวเบอร์โทรฯ มรณะนี้ โดยบางคนเชื่อว่าเมื่อรับเบอร์โทรฯ มรณะ จะมีการปล่อยคลื่นความถี่สูงผ่านโทรศัพท์มายังผู้รับจนทำให้เสียชีวิต ซึ่งในเรื่องนี้ผมจะได้รายงานไปยังฝ่ายปกครองให้ได้รับทราบว่า ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ด้วยสาเหตุจากข่าวลือดังกล่าวแต่อย่างใด" นายก อบต.หัวเมือง กล่าว
ด้านที่จังหวัดแพร่่ เกิดกระแสข่าวลือ เบอร์มรณะ 3 หมายเลขคือ 087-576XXXX 08-3333-xxxx และ 08-9336-xxxx ถ้าใครรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าว จะต้องชะตาขาดเสียชีวิตทันที โดยลือว่าที่ จ.น่าน มีผู้รับเบอร์โทรฯ มรณะจนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 40 ราย แถมล่าสุดมีรายงานว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีเสียงตามสายของงานประชาสัมพันธ์วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ ประกาศเตือนนักศึกษาให้ระมัดระวัง อย่ารับโทรศัพท์ทั้งสามหมายเลขดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ทางผู้อำนวยการของวิทยาลัยดังกล่าวได้ออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าทางวิทยาลัยไม่ได้ประกาศเตือนนักศึกษา หรือบอกให้นักศึกษางดการรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่ขาดหลักการ และไม่มีเหตุผลเพียงพอให้น่าเชื่อถือได้
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้ลองโทรศัพท์ไปยัง เบอร์มรณะ ทั้ง 3 หมายเลข พบ ว่าหมายเลข 087-576XXXX มีผู้รับสายเป็นชาย แต่พูดสำเนียงภาษาไทยไม่ชัด โดยบอกว่าอยู่ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อสอบถามถึงกระแสข่าวลือดังกล่าว เจ้าของโทรศัพท์ได้ปิดโทรศัพท์ทันที และจากนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกเลย ส่วนอีก 2 หมายเลขพบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่มีในระบบของโทรศัพท์
ขณะที่เมื่อได้ทดลองโทรติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ 08-333-6XXX ระบบปลายสายตอบกลับมาว่า "หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่ได้เปิดใช้บริการ" ส่วนอีก 2 เบอร์ คือ 08-3336-6XXX และ เบอร์ 0-83-3336XXX นั้น เมื่อลองกดไปปลายสายจะเงียบไปราว 1-3 วินาที หลังจากนั้นก็เป็นเสียง "กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ" สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่โทรไปเป็นอย่างมาก แต่บางจังหวะของเบอร์ทั้ง 2 ที่ว่ากลับเป็นสัญญาณสายไม่ว่าง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจพรีเพด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดีแทค และ แฮปปี้ ซึ่งนายธนากล่าวว่า ที่มีข่าวลือว่าเมื่อรับโทรศัพท์อาถรรพ์เบอร์ใดเบอร์หนึ่งใน 3 เบอร์จะทำให้แก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง และเสียชีวิตตามข่าวนั้น ขอยืนยันว่าไม่จริงอย่างแน่นอน คิดว่ากอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า
"ตั้งแต่ผมทำงานมาผมเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งความจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมเคยเห็นแต่ในหนัง หนังสือการ์ตูน อย่างไรก็ดีจากที่ผมเช็คดูเบอร์ทั้งหมดเป็นโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ของเครือข่ายหนึ่ง แต่ได้ยกเลิกหมายเลยดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นขอให้ทุก ๆ คน อย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นแค่คนที่คึกคะนองเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องการตลาดหรือการกลั่นแกล้งของคู่แข่งนั้น ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้" นายธนา กล่าว
ด้าน นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวยการสำนักบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเอไอเอส และวันทูคอล ยอมรับว่า เบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของบริษัทฯ โดยใช้ระบบเติมเงิน ซึ่งขณะที่ปิดบริการไปแล้ว อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เนื่องจากทางระบบจะกำหนดว่าสามารถให้วอลุ่มของเสียงได้เท่าใด เพื่อไม่ให้ กระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการ
"ผมไม่คิดว่าเป็นการทำลายชื่อเสียง น่าจะเป็นการส่งฟอร์เวิร์ดเมลของผู้ที่นึกสนุกเท่านั้น ส่วนถ้าหากเป็นการโปรโมตหนังหรือทำการตลาดขิงสินค้าใด โดยการมาใช้วิธีอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่ดีนัก เพราะว่าเป็นการสร้างความตกใจให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่สมควร" นายปรัธนา กล่าว
ด้านนางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ชี้แจงกรณี เบอร์มรณะเช่นกันว่า บริษัท ขอเรียนว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากในทางเทคนิคโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่สามารถส่งผ่านคลื่นความถี่ ในช่วงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนได้
ขณะที่ นพ.เอาชัย กาญจนพิทักษ์ ศัลยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตา หู รพ.เวชธานี เปิดเผยว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง ตามหลักการแพทย์นั้นเสียงโทรศัพท์ไม่สามารถทำให้คนแก้วหูแตกได้ การฟังเอ็มพี 3 ยังมีโอกาสจะทำให้แก้วหูได้รับผลกระทบมากกว่า
ในส่วน รศ.โกศล โอฬารไพโรจน์ หัวหน้าสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาภาคพายัพ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การที่มีกระแสข่าวลือไปทั่วภาคเหนือ ว่ามีเบอร์โทรศัพท์มรณะ หรือหมายเลขอันตราย เป็นเบอร์สีแดงโทรฯ เข้ามาเมื่อใครรับสายก็จะเสียชีวิตนั้น เรื่องนี้ตามหลักทฤษฎีด้านวิศวกรรมของโทรศัพท์มือถือนั้น ก่อนที่ผู้ผลิตจะนำมือถือออกจำหน่าย จะต้องมีการทดสอบอุปกรณ์และความพร้อมของโทรศัพท์ก่อนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการจำกัดคลื่นเสียง ว่าสมควรให้ได้ยินในระดับไหน หากคลื่นความถี่เสียงสูงเกินไป ก็จะถูกอุปกรณ์ที่อยู่ภายในหรือตัวกรองความถี่เสียง ตัดเสียงดังกล่าวออกไป ดังนั้นเรื่องการรับโทรศัพท์แล้วทำให้เสียชีวิตนั้น คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีเบอร์โทรศัพท์อาถรรพ์ทำนี้ออกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน โดยเบอร์ที่ระบุว่าเป็นเบอร์อาถรรพ์แต่ละเบอร์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์ที่สวย เช่น เบอร์เรียง และเบอร์ตอง โดยเคสที่ถือว่าเป็นเคสแรก ๆ ของเบอร์อาถรรพ์ ก็คือเบอร์โทรศัพท์ของศูนย์นารายณ์ โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์เก่าแก่คนหนึ่งกล่าวกับเราว่า เมื่อก่อนมีคนโทรศัพท์ที่เบอร์นี้มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความคึกคะนอง แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว
ล่าสุด กระแสข่าว เบอร์มรณะ กำลังถูกกระพืออีกครั้งผ่านปากต่อปากในหลายจังหวัดของภาคเหนือ โดยมีเสียงโจษจันต่อ ๆ กันมาว่า "ระวัง! ห้ามรับโทรศัพท์เบอร์ 083336xxxx , 083336xxxx , 083333xxxx เด็ดขาด เพราะคุณจะจบชีวิตลงแน่นอน" พร้อมกับระบุว่า มีหลายคนที่เสียชีวิตอย่างปริศนาจาก เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย นี่มาแล้ว
นอกจากนี้ ข่าวลือยังระบุอีกว่า เบอร์มรณะ ที่โทรศัพท์เข้ามาจะโชว์เป็นเบอร์สีแดง โดยทุกคนที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์สีแดง จะเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีการอ้างว่า หลายจังหวัดในภาคเหนือมีผู้เสียชีวิตจาก เบอร์มรณะ มาหลายคนแล้ว โดยมีอาการแก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายปุ๊ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ชั้นปีที่ 3 ของสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ตกเป็นเหยื่อเบอร์โทรศัพท์มรณะจนล้มป่วยนอนซมอยู่ที่ รพ.ห้างฉัตร เมื่อผู้สื่อข่าวรุดไปตรวจสอบ ก็พบว่านายปุ๊อยู่ในชุดคนไข้นอนซมอยู่บนเตียง ภายในตึกผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยสามัญชาย สภาพมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง และมีนางแก้ว (นามสมมติ) มารดา นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ด้วยความห่วงใย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปาก แต่นายปุ๊ปฏิเสธที่จะเล่าให้ฟังพร้อมมีสีหน้าหวาดผวาเล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่ายังผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น พอนึกถึงหรือพูดถึงที่ไร จะมีอาการแข้งขาชา แน่นหน้าอกหายใจติดขัด อย่างไรก็ดี นายปุ๊ได้ให้มารดาเล่าให้ฟังแทน
นางแก้วเปิดเผยว่า ลูกชายเล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ ผ่านมา ขณะนั่งเล่นอยู่ในห้องบนบ้าน เพื่อนคนหนึ่งก็โทรฯ เข้าโทรศัพท์มือถือลูกชาย หลังคุยกันได้ 2-3 นาที ก็วางสายไป คราวนี้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ลูกชายก็คิดว่าเป็นเพื่อนคนเดิมโทรฯ มา แต่พอรับสายยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ ก็มีเสียงคล้ายคนสวดมนต์เป็นภาษาบาลี หรือภาษาอะไรไม่แน่ใจ สำเนียงเนิบ ๆ ช้า ๆ น่าขนลุก พอฟังไป ได้แป๊บเดียวลูกชายก็มีอาการขนลุกวาบตัวชา รุ่มร้อนเหมือนร่างกำลังถูกไฟเผาทั้งเป็น จึงรีบโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง และวิ่งหน้าตาซีดเซียวลงมาหาบิดา พยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่กลับพูดจาไม่ได้ศัพท์ บิดาจับตัวดูเห็นตัวเย็นเฉียบ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และดวงตาลุกวาวเหมือนหวาดกลัวอะไรอย่างหนัก จึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ อปพร.ของ อบต.หนองหล่ม นำตัวส่ง รพ. แพทย์พาตัวเข้าห้องฉุกเฉินฉีดยาและให้น้ำเกลือ พร้อมให้นอนรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ ตนจึงมาเฝ้าดูแลลูกชายด้วยความเป็นห่วง
หลังนางแก้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเสร็จ นายปุ๊ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า ตอนที่ได้ยินเสียงสวดมนต์ ก็นึกถึงข่าวลือเรื่องเบอร์โทรฯ มรณะขึ้นมาทันที ตอนแรกก็คิดว่าเพื่อนคนเดิมโทรฯ มาแกล้ง แต่พอโทรฯ สวนกลับไป ปรากฏว่าไม่ใช่และไม่มีคนรับสายด้วย พร้อมกันนี้นายปุ๊ได้บอกเบอร์โทรศัพท์ฯ ดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.ศิริชัย ภัทรนุภากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลำปาง โดยได้ให้ความเห็นว่า นักศึกษาคนดังกล่าวอาจเกิดอาการคล้ายอุปาทานหมู่ที่เคยเกิดขึ้น กับเด็กนักเรียนก่อนหน้านี้ โดยเพื่อนอาจจะโทรฯ มาล้อเล่น จนเกิดหวาดกลัวอย่างหนัก แต่คงต้องดูด้วยว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ รวมทั้งหากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาจทำให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ จึงขอเตือนผู้ที่นำเรื่องนี้มากลั่นแกล้งกัน ว่า อาจเป็นการทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ สำหรับเรื่อง เบอร์มรณะ นั้น เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สกทช.) กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวได้สร้างผลกระทบอย่างมาก ขนาดที่บางหมู่บ้านตื่นตระหนก จนมีการปิดโทรศัพท์มือถือหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
"จากการตรวจสอบเลขหมายที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่า เป็นเลขหมายระบบเติมเงินในเครือข่ายเอไอเอส 3 เลขหมายและรายเดือน 1 เลขหมาย แต่ทั้ง 4 หมายเลขมีผู้ใช้บริการอยู่ และต้องเดือดร้อนคอยรับโทรศัพท์จากผู้คนจำนวนมากที่ต้องการสอบถามข้อเท็จจริง เป็นการรบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง จนบางรายต้องปิดเครื่องตลอดเวลา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนี้แต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดการโทรไปที่หมายเลขที่เป็นข่าว"
ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า ข่าวลือดังกล่าวกำลังลามไปเรื่อย ๆ ซึ่งทุกประเด็นล้วนไม่มีมูลความจริง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการปล่อยไวรัสผ่านโทรศัพท์มือถือทำให้เครื่องระเบิด หรือปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงทำให้แก้วหูทะลุ เพราะหากเป็นไวรัสจะมีผลทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือหยุดทำงานเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ระเบิดได้ และปัญหาไวรัสจะเกิดได้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น อีกทั้งการระเบิดของโทรศัพท์มือถือจะเกิดจากส่วนแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีการเพิ่มชิปเพื่อป้องกันการลัดวงจรของแบตเตอรี่แล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องการส่งคลื่นเสียงทำให้แก้วหูทะลุนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เพราะแก้วหูจะทะลุได้ไม่ขึ้นกับความถี่แต่ขึ้นกับความดังของเสียง คือประมาณ 160 เดซิเบล ขณะที่ลำโพงโทรศัพท์มือถือไม่สามารถส่งเสียงดังในระดับนั้นได้ หรือแม้แต่เครื่องสลายการชุมนุมด้วยคลื่นเสียงที่ราชการใช้อยู่ ก็ดังสูงสุดที่ 151 เดซิเบลเท่านั้น การส่งคลื่นเสียงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อให้แก้วหูทะลุจึงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ ผอ.สบท.ยังเตือนว่า การโพสต์เลขหมายตามข่าวลือในอินเทอร์เน็ตหรือส่งต่อทางอีเมล์เป็นการสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้บริการเลขหมายดังกล่าว และตรวจสอบแล้วเป็นข้อความที่ไม่เป็นความจริง ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ผู้ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวตอร์ ผู้ที่เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อความเกี่ยวกับเบอร์อันตรายรับแล้วตาย ซึ่งเป็นความเท็จ และทำให้เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย ถูกรบกวนสิทธิ และได้รับเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง จึงมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ม. 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท และมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 326
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่อง เบอร์มรณะ ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แพร่สะพัด ว่า หากผู้ใดรับโทรศัพท์ที่มีเบอร์แปลก ๆ ที่ลงท้ายหรือขึ้นต้นด้วยเลขตอง เช่น 081-333 xxxx หรือ 083-xxxx 444 หรือเบอร์โทรฯ ที่ตัวเลขเป็นสีแดงโชว์ที่หน้าจอโทรศัพท์ ผู้รับจะช็อกตายอย่างไม่ทราบสาเหตุทันที และลือกันว่าที่ผ่านมามีคน เสียชีวิตไปแล้วหลายรายในหลายหมู่บ้านทางภาคเหนือ โดยข่าวลือดังกล่าวได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งจากการบอกเล่าปากต่อปาก และโทรศัพท์บอกกันเป็นทอด ๆ ในเหล่าบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
นางนวล (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ชาวบ้านใน อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องเบอร์โทรฯ ที่ชาวบ้านร่ำลือกัน จนทำให้หวาดระแวงไปทั่วอำเภอนั้น ตนก็รู้ข่าวมาจากญาติที่อยู่ใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้โทรศัพท์มาบอกว่า คนในหมู่บ้านที่นั่นได้รับโทรศัพท์หมายเลขแปลก ๆ ที่โทรฯ เข้ามา พอรับโทรศัพท์ได้สักพักจะเกิดอาการชักกระตุก หน้าเขียวซีด และเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุในเวลาต่อมา ทั้งที่ปกติแล้วสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี นอกจากนี้บางรายพอรับโทรศัพท์มรณะปุ๊บจะล้มลงและเสียชีวิตทันที
ทั้งนี้ ไม่เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.ไชยปราการ เท่านั้น ในเขตพื้นที่ อ.เชียงดาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็มีข่าวลือเช่นเดียวกันนี้แพร่กระจายอย่างหนักเช่นกัน ทำให้ทุกคนในอำเภอตอนนี้ต่างก็โทรศัพท์ไปหาญาติพี่น้อง และลูกหลานที่มีโทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์บ้าน ว่าหากมีใครโทรฯ มาหรือเบอร์แปลก ๆ อย่ารับสายเด็ดขาด ซึ่งตนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจริงเท็จแค่ไหน แต่รู้ต่อ ๆ กันมาว่ามีคนเสียชีวิตไปแล้วหลายคน แม้กระทั่งในต่างจังหวัด เช่นที่ จ.ลำปาง จ.น่าน และ จ.พะเยา ก็มีเรื่องในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน
ด้านนางสาวเมย์ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นชาวไทยใหญ่ บ้านอยู่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนมาทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ และเมื่อไม่นานมานี้แม่ซึ่งอยู่บ้านที่ อ.ฝาง ได้ลงจากดอยและโทรศัพท์มาบอกว่า หากมีเบอร์แปลก ๆ ที่ขึ้นต้นด้วยเลขตองตั้งแต่ 000-999 อย่ารับสายเด็ดขาด ถ้ารับแล้วจะตาย ตอนนี้กลุ่มไทยใหญ่ก็ตายไปแล้วหลายคน ซึ่งตนได้จดเบอร์แปลกต่าง ๆ ที่แม่บอกไว้ใส่ติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา และตอนนี้รู้สึกกลัว ไม่กล้ารับโทรศัพท์มือถืออีกเลย หากไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคย หรือเบอร์ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าจะตายจริง ๆ
"ตอนนี้ในกลุ่มไทยใหญ่ร่ำลือกันว่าเป็นเรื่องลี้ลับ อาจจะเป็นเบอร์ของคนตายที่ตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง พอรับปุ๊บก็จะมีลักษณะคล้ายโดนไฟฟ้าช็อต หรือมีคลื่นความถี่บางอย่างเข้ามาที่หูอย่างแรง ทำให้แก้วหูแตกถึงขั้นหมดสติ และเลือดคั่งในสมองจนตาย" สาวชาวไทยใหญ่ กล่าว
ขณะที่ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ลำปาง รายงานว่า ขณะนี้หลายอำเภอทั่วทั้ง จ.ลำปาง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีคนเสียชีวิตหลายราย หลังจากรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่ง เบอร์มรณะ โทรฯ เข้ามา โดยเฉพาะ บ้านไร่ หมู่ 4 ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง มีชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 3 รายนั้นผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปที่นายชำนาญ เลียบโลก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวเมือง ระบุว่า ข่าวที่มีผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่จากการสำรวจพบว่าชาวบ้านเกิดความกลัว และมีความเชื่อในเรื่องเบอร์มรณะจริง
"ข่าวลือเบอร์โทรศัพท์อันตรายนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่เมื่อมีข่าวลือมาจะไปบังคับให้แต่ละคนไม่ให้เชื่อก็เป็นไปไม่ได้ แต่ควรใช้วิจารณญาณด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ามีข่าวลือจริง และชาวบ้านในอำเภอเมืองปานก็พากันหวาดกลัวเบอร์โทรฯ มรณะนี้ โดยบางคนเชื่อว่าเมื่อรับเบอร์โทรฯ มรณะ จะมีการปล่อยคลื่นความถี่สูงผ่านโทรศัพท์มายังผู้รับจนทำให้เสียชีวิต ซึ่งในเรื่องนี้ผมจะได้รายงานไปยังฝ่ายปกครองให้ได้รับทราบว่า ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ด้วยสาเหตุจากข่าวลือดังกล่าวแต่อย่างใด" นายก อบต.หัวเมือง กล่าว
ด้านที่จังหวัดแพร่่ เกิดกระแสข่าวลือ เบอร์มรณะ 3 หมายเลขคือ 087-576XXXX 08-3333-xxxx และ 08-9336-xxxx ถ้าใครรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าว จะต้องชะตาขาดเสียชีวิตทันที โดยลือว่าที่ จ.น่าน มีผู้รับเบอร์โทรฯ มรณะจนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 40 ราย แถมล่าสุดมีรายงานว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีเสียงตามสายของงานประชาสัมพันธ์วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ ประกาศเตือนนักศึกษาให้ระมัดระวัง อย่ารับโทรศัพท์ทั้งสามหมายเลขดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ทางผู้อำนวยการของวิทยาลัยดังกล่าวได้ออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าทางวิทยาลัยไม่ได้ประกาศเตือนนักศึกษา หรือบอกให้นักศึกษางดการรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่ขาดหลักการ และไม่มีเหตุผลเพียงพอให้น่าเชื่อถือได้
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้ลองโทรศัพท์ไปยัง เบอร์มรณะ ทั้ง 3 หมายเลข พบ ว่าหมายเลข 087-576XXXX มีผู้รับสายเป็นชาย แต่พูดสำเนียงภาษาไทยไม่ชัด โดยบอกว่าอยู่ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อสอบถามถึงกระแสข่าวลือดังกล่าว เจ้าของโทรศัพท์ได้ปิดโทรศัพท์ทันที และจากนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกเลย ส่วนอีก 2 หมายเลขพบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่มีในระบบของโทรศัพท์
ขณะที่เมื่อได้ทดลองโทรติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ 08-333-6XXX ระบบปลายสายตอบกลับมาว่า "หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่ได้เปิดใช้บริการ" ส่วนอีก 2 เบอร์ คือ 08-3336-6XXX และ เบอร์ 0-83-3336XXX นั้น เมื่อลองกดไปปลายสายจะเงียบไปราว 1-3 วินาที หลังจากนั้นก็เป็นเสียง "กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ" สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่โทรไปเป็นอย่างมาก แต่บางจังหวะของเบอร์ทั้ง 2 ที่ว่ากลับเป็นสัญญาณสายไม่ว่าง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจพรีเพด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดีแทค และ แฮปปี้ ซึ่งนายธนากล่าวว่า ที่มีข่าวลือว่าเมื่อรับโทรศัพท์อาถรรพ์เบอร์ใดเบอร์หนึ่งใน 3 เบอร์จะทำให้แก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง และเสียชีวิตตามข่าวนั้น ขอยืนยันว่าไม่จริงอย่างแน่นอน คิดว่ากอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า
"ตั้งแต่ผมทำงานมาผมเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งความจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมเคยเห็นแต่ในหนัง หนังสือการ์ตูน อย่างไรก็ดีจากที่ผมเช็คดูเบอร์ทั้งหมดเป็นโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ของเครือข่ายหนึ่ง แต่ได้ยกเลิกหมายเลยดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นขอให้ทุก ๆ คน อย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นแค่คนที่คึกคะนองเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องการตลาดหรือการกลั่นแกล้งของคู่แข่งนั้น ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้" นายธนา กล่าว
ด้าน นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวยการสำนักบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเอไอเอส และวันทูคอล ยอมรับว่า เบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของบริษัทฯ โดยใช้ระบบเติมเงิน ซึ่งขณะที่ปิดบริการไปแล้ว อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เนื่องจากทางระบบจะกำหนดว่าสามารถให้วอลุ่มของเสียงได้เท่าใด เพื่อไม่ให้ กระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการ
"ผมไม่คิดว่าเป็นการทำลายชื่อเสียง น่าจะเป็นการส่งฟอร์เวิร์ดเมลของผู้ที่นึกสนุกเท่านั้น ส่วนถ้าหากเป็นการโปรโมตหนังหรือทำการตลาดขิงสินค้าใด โดยการมาใช้วิธีอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่ดีนัก เพราะว่าเป็นการสร้างความตกใจให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่สมควร" นายปรัธนา กล่าว
ด้านนางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ชี้แจงกรณี เบอร์มรณะเช่นกันว่า บริษัท ขอเรียนว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากในทางเทคนิคโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่สามารถส่งผ่านคลื่นความถี่ ในช่วงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนได้
ขณะที่ นพ.เอาชัย กาญจนพิทักษ์ ศัลยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตา หู รพ.เวชธานี เปิดเผยว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง ตามหลักการแพทย์นั้นเสียงโทรศัพท์ไม่สามารถทำให้คนแก้วหูแตกได้ การฟังเอ็มพี 3 ยังมีโอกาสจะทำให้แก้วหูได้รับผลกระทบมากกว่า
ในส่วน รศ.โกศล โอฬารไพโรจน์ หัวหน้าสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาภาคพายัพ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การที่มีกระแสข่าวลือไปทั่วภาคเหนือ ว่ามีเบอร์โทรศัพท์มรณะ หรือหมายเลขอันตราย เป็นเบอร์สีแดงโทรฯ เข้ามาเมื่อใครรับสายก็จะเสียชีวิตนั้น เรื่องนี้ตามหลักทฤษฎีด้านวิศวกรรมของโทรศัพท์มือถือนั้น ก่อนที่ผู้ผลิตจะนำมือถือออกจำหน่าย จะต้องมีการทดสอบอุปกรณ์และความพร้อมของโทรศัพท์ก่อนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการจำกัดคลื่นเสียง ว่าสมควรให้ได้ยินในระดับไหน หากคลื่นความถี่เสียงสูงเกินไป ก็จะถูกอุปกรณ์ที่อยู่ภายในหรือตัวกรองความถี่เสียง ตัดเสียงดังกล่าวออกไป ดังนั้นเรื่องการรับโทรศัพท์แล้วทำให้เสียชีวิตนั้น คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีเบอร์โทรศัพท์อาถรรพ์ทำนี้ออกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน โดยเบอร์ที่ระบุว่าเป็นเบอร์อาถรรพ์แต่ละเบอร์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์ที่สวย เช่น เบอร์เรียง และเบอร์ตอง โดยเคสที่ถือว่าเป็นเคสแรก ๆ ของเบอร์อาถรรพ์ ก็คือเบอร์โทรศัพท์ของศูนย์นารายณ์ โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์เก่าแก่คนหนึ่งกล่าวกับเราว่า เมื่อก่อนมีคนโทรศัพท์ที่เบอร์นี้มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความคึกคะนอง แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว
ป.5 ฆ่าตัวตาย
ไม่เชื่อ ป.5 ฆ่าตัวตาย ตาม 1,000 วิธี สู่ความตาย
พ่อ-แม่คาดน้อยใจที่ถูกบังคับให้ไปเรียน เผยลูกชายหงุดหงิดก่อนเข้าห้องน้ำ แต่ไม่คิดว่าจะปลิดชีพตัวเอง
จากกรณี ด.ช.ธันวา เวชกามา หรือ น้องเจมส์ อายุ 10 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนเลิศพัฒนาศึกษา และเป็นนักกีฬาเทควันโด เหรียญทองของโรงเรียน ใช้ผ้าเช็ดตัวผูกคอตายในห้องน้ำบ้านพักเลขที่ 79/6 ซอยชัยวัฒน์ 10 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง เนื่องจากไม่อยากไปโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 52 ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางพ่อและแม่น้องเจมส์เชื่อว่าลูกชายอาจจะน้อยใจที่ถูกบังคับให้ไปเรียนพิเศษ ทำให้ติดสั้นฆ่าตัวตายตามวิธีการในสารคดี 1,000 วิธีสู่ความตาย ทางเคเบิ้ลทีวี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้( 10 ต.ค.) นายเทิดศักดิ์ เวชกามา พ่อน้องเจมส์ กล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนและครอบครัวได้เดินทางไปที่นิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อรับศพน้องเจมส์ ก่อนจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบางขุนเทียนใน สำหรับสาเหตุตนคิดว่าลูกน่าจะน้อยใจที่ตนขอร้องให้ไปโรงเรียนไม่ให้หยุดอยู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุน้องเจมส์ ตื่นนอนเวลา 08.00 น. ตนจึงบอกให้รีบอาบน้ำเตรียมไปโรงเรียน แต่น้องเจมส์บอกว่าขอหยุดเนื่องจากเป็นวันสุดท้าย เพื่อนๆก็คงจะหยุดเช่นกัน
“ผมขอร้องให้ไปเรียนและยังบอกอีกว่ากลับมาจะซื้อของเล่นให้ แต่น้องเจมส์ก็แสดงอาการหงุดหงิดพร้อมกับบอกว่าไม่อยากไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งผมคิดว่าน้องเจมส์เข้าไปอาบน้ำไม่คิดว่าจะฆ่าตัวตาย น้องเจมส์เป็นลูกคนเล็ก ไม่เคยมีใครขัดใจ แม่เขาจะตามใจ อยากได้อะไรก็จะหาให้เลย ทำให้มีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ที่ผ่านมาลูกชายยังไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยเกเร แต่ไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรทำไมจึงทำเช่นนี้ ตอนที่ผมบอกให้ลูกไปโรงเรียนก็ไม่ได้ดุหรือพูดจารุนแรงเลย ส่วนรายการทางยูบีซี หรือว่าหนังผี ลูกจะดูอยู่เป็นประจำ ซึ่งเขาชอบดูหนังผี ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ฆ่าตัวตาย” นายเทิดศักดิ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
ด้าน นางอุบล เวชกามา อายุ 43 ปี แม่น้องเจมส์ เผยด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า ตนเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด ดูหนังก็ดูด้วยกันจะไปไหนก็ไปด้วยกัน ไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าวว่าไปดูรายการอะไรที่เกี่ยวกับการตาย ไม่จริงนะและพ่อแม่ ก็ไม่เคยปิดกั้นอะไรด้วย และเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันเร็วมากนะ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบของน้องเค้าก็ได้ ซึ่งเราไปไหนมาไหนก็จะไปเป็นครอบครัว ขนาดน้องเค้าไปแข่งเทควันโดยังพาครอบครัวไปเชียร์ด้วยกัน
พ่อ-แม่คาดน้อยใจที่ถูกบังคับให้ไปเรียน เผยลูกชายหงุดหงิดก่อนเข้าห้องน้ำ แต่ไม่คิดว่าจะปลิดชีพตัวเอง
จากกรณี ด.ช.ธันวา เวชกามา หรือ น้องเจมส์ อายุ 10 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนเลิศพัฒนาศึกษา และเป็นนักกีฬาเทควันโด เหรียญทองของโรงเรียน ใช้ผ้าเช็ดตัวผูกคอตายในห้องน้ำบ้านพักเลขที่ 79/6 ซอยชัยวัฒน์ 10 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง เนื่องจากไม่อยากไปโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 52 ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางพ่อและแม่น้องเจมส์เชื่อว่าลูกชายอาจจะน้อยใจที่ถูกบังคับให้ไปเรียนพิเศษ ทำให้ติดสั้นฆ่าตัวตายตามวิธีการในสารคดี 1,000 วิธีสู่ความตาย ทางเคเบิ้ลทีวี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้( 10 ต.ค.) นายเทิดศักดิ์ เวชกามา พ่อน้องเจมส์ กล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนและครอบครัวได้เดินทางไปที่นิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อรับศพน้องเจมส์ ก่อนจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบางขุนเทียนใน สำหรับสาเหตุตนคิดว่าลูกน่าจะน้อยใจที่ตนขอร้องให้ไปโรงเรียนไม่ให้หยุดอยู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุน้องเจมส์ ตื่นนอนเวลา 08.00 น. ตนจึงบอกให้รีบอาบน้ำเตรียมไปโรงเรียน แต่น้องเจมส์บอกว่าขอหยุดเนื่องจากเป็นวันสุดท้าย เพื่อนๆก็คงจะหยุดเช่นกัน
“ผมขอร้องให้ไปเรียนและยังบอกอีกว่ากลับมาจะซื้อของเล่นให้ แต่น้องเจมส์ก็แสดงอาการหงุดหงิดพร้อมกับบอกว่าไม่อยากไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งผมคิดว่าน้องเจมส์เข้าไปอาบน้ำไม่คิดว่าจะฆ่าตัวตาย น้องเจมส์เป็นลูกคนเล็ก ไม่เคยมีใครขัดใจ แม่เขาจะตามใจ อยากได้อะไรก็จะหาให้เลย ทำให้มีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ที่ผ่านมาลูกชายยังไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยเกเร แต่ไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรทำไมจึงทำเช่นนี้ ตอนที่ผมบอกให้ลูกไปโรงเรียนก็ไม่ได้ดุหรือพูดจารุนแรงเลย ส่วนรายการทางยูบีซี หรือว่าหนังผี ลูกจะดูอยู่เป็นประจำ ซึ่งเขาชอบดูหนังผี ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ฆ่าตัวตาย” นายเทิดศักดิ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
ด้าน นางอุบล เวชกามา อายุ 43 ปี แม่น้องเจมส์ เผยด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า ตนเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด ดูหนังก็ดูด้วยกันจะไปไหนก็ไปด้วยกัน ไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าวว่าไปดูรายการอะไรที่เกี่ยวกับการตาย ไม่จริงนะและพ่อแม่ ก็ไม่เคยปิดกั้นอะไรด้วย และเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันเร็วมากนะ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบของน้องเค้าก็ได้ ซึ่งเราไปไหนมาไหนก็จะไปเป็นครอบครัว ขนาดน้องเค้าไปแข่งเทควันโดยังพาครอบครัวไปเชียร์ด้วยกัน
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
พ่อฆ่าลูก
ข่าวจาก นสพ. ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 15 มี.ค. 2547
อเมริกันชนตะลึงคดีสะเทือนขวัญฆ่ายกครัว 9 ศพ 7 ศพ ในนั้นเป็นเด็กวัยเพียง 1-8 ขวบ ตำรวจจับชายแคลิฟอร์เนียผิวหมึก ตั้งข้อหาฆาตกรรมลูกหลานในครอบครัว ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเนื้อแท้เป็นบิดาที่สมสู่กับลูกๆ ของตนเอง และเป็นพ่อแท้ๆ ของหลาน
ข่าวรอยเตอร์รายงานวันที่ 14 มี.ค.ว่า เจอร์รี ดายเออร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเฟรสโน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าเจ้าหน้าที่พบศพเด็กทารก 3 ศพ, เด็กโตกว่าอีก 4 ศพ, เด็กหญิงวัยรุ่น และหญิงสาวอายุ 24 ปีในบ้านพักกลางเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบในเขตเกษตรกรรมของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นของนายมาร์คัส เวสสัน อายุ 57 ปี ภายหลังจากตำรวจได้รับแจ้ง ให้ไประงับเหตุทะเลาะเบาะแว้งระหว่างผู้ที่อ้างสิทธิปกครองเด็กๆ ในบ้านหลังนั้นเมื่อบ่ายวันศุกร์
"เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคดีสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุด ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของเมืองของเรา" ดายเออร์กล่าว "ดูเหมือนว่าจะมีผู้หญิง 4 คนที่เราเชื่อว่าเป็นแม่ของเด็กที่ถูกฆ่าตาย และเขา (เวสสัน) อาจเป็นพ่อของเด็กถ้าไม่ใช่ทุกคนก็เกือบหมดทุกคนที่ตายในนั้น ข่าวที่รบกวนจิตใจที่สุดก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าเด็ก 2 คนที่พบเป็นร่างไร้วิญญาณนั้นเป็นทั้งลูกสาวและหลานของเขาเอง"
ศพเหยื่อฆ่ายกครัวที่พบนั้น เป็นเด็กวัย 1 ขวบ 3 ศพ หนึ่งเป็นเด็กชาย อีกสองคนเป็นเด็กหญิง, เด็กอีก 4 ศพอายุระหว่าง 4-8 ปี ที่เหลืออีกสองศพเป็นหญิงสาววัย 17 และ 24 ปี นายตำรวจผู้นี้กล่าวว่าเวสสันถูกควบคุมตัวอยู่และกำลังให้ปากคำกับตำรวจ จะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 9 กระทงในวันเสาร์
ภายในบ้านของเขายังพบโลงศพเปล่า 10 โลง แต่ตำรวจกล่าวว่ายังไม่อาจลงความเห็นได้ว่าโลงเหล่านี้เตรียมไว้ใช้ทำอะไร ดายเออร์บอกว่าเจ้าของบ้านอาจใช้มันเป็นที่เก็บเสื้อผ้าหรือเตรียมรื้อไม้ไว้ทำเฟอร์นิเจอร์ก็ได้
นายตำรวจผู้นี้เล่าว่า ตอนแรกที่ตำรวจมาที่บ้านหลังนี้มาจากถูกเรียกให้มาระงับการพิพาทเรื่องการปกครองเด็กๆ โดยมีสตรี 2 คนที่อยู่นอกบ้านต้องการให้เวสสันคืนลูกของพวกตน แต่เวสสันไม่ยอมให้ตำรวจเข้าบ้านและขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอนด้านหลัง ช่วงที่ตำรวจกำลังเจรจาเกลี้ยกล่อมระหว่างที่หน่วยสวาทที่ถูกเรียกมาเสริมกำลังยังมาไม่ถึงนั่นเอง เวสสันก็เดินออกมาจากบ้านเสื้อผ้าชุ่มโชกไปด้วยเลือดและถูกจับกุม ตำรวจถึงได้เข้าไปในบ้านและพบนอนเกยซ้อนกันอยู่โดยมีเสื้อผ้ามัดเอาไว้
เจ้าหน้าที่ยังไม่ชี้ชัดว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นตอนไหนหรือทั้งหมดตายอย่างไร แต่ดายเออร์เผยว่าเพื่อนข้างบ้านบอกกันว่าได้ยินเสียงปืนหลายนัด.
อเมริกันชนตะลึงคดีสะเทือนขวัญฆ่ายกครัว 9 ศพ 7 ศพ ในนั้นเป็นเด็กวัยเพียง 1-8 ขวบ ตำรวจจับชายแคลิฟอร์เนียผิวหมึก ตั้งข้อหาฆาตกรรมลูกหลานในครอบครัว ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเนื้อแท้เป็นบิดาที่สมสู่กับลูกๆ ของตนเอง และเป็นพ่อแท้ๆ ของหลาน
ข่าวรอยเตอร์รายงานวันที่ 14 มี.ค.ว่า เจอร์รี ดายเออร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเฟรสโน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าเจ้าหน้าที่พบศพเด็กทารก 3 ศพ, เด็กโตกว่าอีก 4 ศพ, เด็กหญิงวัยรุ่น และหญิงสาวอายุ 24 ปีในบ้านพักกลางเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบในเขตเกษตรกรรมของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นของนายมาร์คัส เวสสัน อายุ 57 ปี ภายหลังจากตำรวจได้รับแจ้ง ให้ไประงับเหตุทะเลาะเบาะแว้งระหว่างผู้ที่อ้างสิทธิปกครองเด็กๆ ในบ้านหลังนั้นเมื่อบ่ายวันศุกร์
"เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคดีสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุด ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของเมืองของเรา" ดายเออร์กล่าว "ดูเหมือนว่าจะมีผู้หญิง 4 คนที่เราเชื่อว่าเป็นแม่ของเด็กที่ถูกฆ่าตาย และเขา (เวสสัน) อาจเป็นพ่อของเด็กถ้าไม่ใช่ทุกคนก็เกือบหมดทุกคนที่ตายในนั้น ข่าวที่รบกวนจิตใจที่สุดก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าเด็ก 2 คนที่พบเป็นร่างไร้วิญญาณนั้นเป็นทั้งลูกสาวและหลานของเขาเอง"
ศพเหยื่อฆ่ายกครัวที่พบนั้น เป็นเด็กวัย 1 ขวบ 3 ศพ หนึ่งเป็นเด็กชาย อีกสองคนเป็นเด็กหญิง, เด็กอีก 4 ศพอายุระหว่าง 4-8 ปี ที่เหลืออีกสองศพเป็นหญิงสาววัย 17 และ 24 ปี นายตำรวจผู้นี้กล่าวว่าเวสสันถูกควบคุมตัวอยู่และกำลังให้ปากคำกับตำรวจ จะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 9 กระทงในวันเสาร์
ภายในบ้านของเขายังพบโลงศพเปล่า 10 โลง แต่ตำรวจกล่าวว่ายังไม่อาจลงความเห็นได้ว่าโลงเหล่านี้เตรียมไว้ใช้ทำอะไร ดายเออร์บอกว่าเจ้าของบ้านอาจใช้มันเป็นที่เก็บเสื้อผ้าหรือเตรียมรื้อไม้ไว้ทำเฟอร์นิเจอร์ก็ได้
นายตำรวจผู้นี้เล่าว่า ตอนแรกที่ตำรวจมาที่บ้านหลังนี้มาจากถูกเรียกให้มาระงับการพิพาทเรื่องการปกครองเด็กๆ โดยมีสตรี 2 คนที่อยู่นอกบ้านต้องการให้เวสสันคืนลูกของพวกตน แต่เวสสันไม่ยอมให้ตำรวจเข้าบ้านและขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอนด้านหลัง ช่วงที่ตำรวจกำลังเจรจาเกลี้ยกล่อมระหว่างที่หน่วยสวาทที่ถูกเรียกมาเสริมกำลังยังมาไม่ถึงนั่นเอง เวสสันก็เดินออกมาจากบ้านเสื้อผ้าชุ่มโชกไปด้วยเลือดและถูกจับกุม ตำรวจถึงได้เข้าไปในบ้านและพบนอนเกยซ้อนกันอยู่โดยมีเสื้อผ้ามัดเอาไว้
เจ้าหน้าที่ยังไม่ชี้ชัดว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นตอนไหนหรือทั้งหมดตายอย่างไร แต่ดายเออร์เผยว่าเพื่อนข้างบ้านบอกกันว่าได้ยินเสียงปืนหลายนัด.
จัดงานศพให้โดเรม่อน
ชาวบ้านกรุงเก่า จัดงานศพตุ๊กตาโดเรมอน เผยเป็นสาวใหญ่วัย 48 ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด ท้อแท้ชีวิตทั้งมีปัญหาเรื่องงานและปัญหาครอบครัว ตระเวนทำบุญเข้าวัดจน พบพระสมภารวัดสามัคคีธรรมที่สระบุรี พระมอบตุ๊กตาโดเรมอนให้มาเลี้ยงเก็บไว้ เผยตั้งชื่อ “จิเหว่ย” ระบุตลอดเวลาเหมือนตุ๊กตามีชีวิต อีกทั้งทำให้อาการเจ็บไข้หายไปและมีเงินทองจากการถูกรางวัลลอตเตอรี่ จนมีบ้านราคาเป็นล้าน ล่าสุดตุ๊กตามาเข้าฝันขอลาและขอให้ทำพิธีศพแบบคน เจ้าอาวาสที่มอบให้เผยเป็นตุ๊กตาที่ผ่านพิธีปลุกเสกในงานฝังลูกนิมิต
เมื่อ เวลา 20.30 น. วันที่ 1 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่วัดมหาโลก ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา มีการจัดงานศพให้กับตุ๊กตา จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่าภายในวัดมีการแสดงลิเกมีร้านค้ามาตั้งขายของ บริเวณศาลาการเปรียญมีการจัดงานศพเหมือนกับงานศพคนปกติ มีหีบศพไม้สักลวดลายงดงามขนาดเล็กยาวประมาณ 1 เมตร ตั้งอยู่บนแท่น มีภาพเด็กผู้หญิงตั้งหน้าศพ ระบุชื่อน้อง จิเหว่ย นาคทอง ชาตะ 17 ก.พ. 2549 มรณะ 18 ต.ค. 2552 คู่กับหีบศพผู้ใหญ่ โดยมี ประชาชนมาร่วมในงานศพกว่า 100 คน มีนางพลับพลึง งามเจริญ อายุ 48 ปี ชาว ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา นั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมอยู่กับครอบครัว หลังสวดพระอภิธรรมศพจบ ทางเจ้าภาพมีการแจกเงินและขนมให้กับเด็กๆ กว่า 100 คน
นางพลับพลึง เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม่บ้านอยู่ที่โรงพยาบาลราชธานี ที่มาจัดงานศพให้กับตุ๊กตาโดเรมอนตัวใหญ่ โดยที่มาของเรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด ท้อแท้ต่อชีวิตเพราะปัญหาเรื่องงานและปัญหาครอบครัวทับถมเข้ามา จึงหันไปพึ่งทางธรรม วัดไหนที่มีชื่อเสียงจะเดินทางไปหาทั้งหมด จนไปพบพระครูนิเวศธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม ต.พุแค อ.เฉลิม พระเกียรติ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 49 โดยพระครูนิเวศธรรมคุณ ให้ยาสมุนไพรลักษณะ ผงมาให้กินและพูดให้กำลังใจ จากนั้นมอบตุ๊กตาโดเรมอนให้มาเลี้ยงเหมือนลูก บอกว่าจะให้คุณและทำให้จิตใจสบาย
นางพลับพลึง กล่าวว่า จากนั้นตนจึงนำมาเลี้ยงเอาไว้ และมีความรู้สึกเหมือนมีชีวิต มีน้ำหนักโตขึ้นทุกวัน เวลาอุ้มหรือเวลานอนจะเหมือนเขาเป็นเด็กอ่อนคนหนึ่ง เราก็เลี้ยงและดูแลเหมือนเด็ก เวลานอนอยู่เหมือนเขามาคอยดูแลมานอนด้วย เวลาจะทำอะไรไม่ดีก็รู้สึกเหมือนมีคนเตือน และทำให้มีโชคลาภ ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลบ่อยๆ จนทำให้ฐานะดีขึ้น คนใน ครอบครัวคนใกล้ชิดที่ทำมาค้าขายการงานชีวิตทุกคนก็ดีขึ้น พอถึงวันเกิดของจิเหว่ยจะจัดงานวันเกิดให้มีการแสดงดนตรีมีเลี้ยงโต๊ะ จีนกว่า 50 โต๊ะ จากสภาพบ้านเก่าๆ พอเป็นที่หลบฝนอาศัยซุกหัวนอนตนสามารถสร้างบ้านในราคากว่า 1 ล้านบาทได้ ทรัพย์สินเงินทองมีไม่ขาดมือ
นางพลับพลึง กล่าวต่ออีกว่า เวลาไปไหนมาไหนก็จะพาไปด้วย โดยเลี้ยงดูเหมือนลูก แม้ว่าจะมีลูกชายและลูกสาว 2 คน ทุกคนก็เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้องก็รักตุ๊กตาตัวนี้เหมือนลูกหลาน โดยเมื่อปีที่ผ่านมาเพิ่งพา ไปฝากเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่ ต.โพธิ์สามต้น อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งชื่อว่าน้องจิเหว่ย โดยทุกวันจะจ้างให้จักรยานยนต์รับจ้างพาไปส่ง และรับกลับมาหลังเลิกเรียน ในห้องเรียนที่น้องจิเหว่ยเรียนจะมีโต๊ะเรียนมีที่นอนมีตู้ล็อกเกอร์เหมือน กับเด็กๆ ทั่วไป เพื่อนๆ ของน้องจิเหว่ยก็รัก ไม่มีใครกลัวน้องจิเหว่ย เวลาพักจะพาน้องจิเหว่ยไปเล่นด้วย ไปซื้อขนมเหมือนเด็กทั่วไปเช่นกัน
จน กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 18 ต.ค. 52 เวลาประมาณ 01.20 น. ฝันว่าน้องจิเหว่ยมาโบกมือลาบอกว่าขอลาไปก่อนขอให้แม่ช่วยทำบุญจัดงานศพ เหมือนคนทั่วไปให้ด้วย จึงนำร่างจิเหว่ยไปให้กับพระครูนิเวศธรรมคุณ สวดพระอภิธรรมศพที่วัดสามัคคีธรรม จนกระทั่งนำกลับมาวันที่ 3 ม.ค. 53 เนื่องจากคิดถึง และพอได้เวลาจึงจัดงานศพให้ดังกล่าว โดยจัดให้มีการสวดพระอภิธรรมทุกคืน ใช้เงินเกือบ 2 แสนบาท และจะทำการฌาปนกิจในวันที่ 2 ก.พ. เวลา 16.00 น.
ด้านพระครูนิเวศ ธรรมคุณ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะพบกับนางพลับพลึง อาตมาไปร่วมงานฝังลูกนิมิตที่วัดแห่งหนึ่งมีการชุมนุมเทวดา นิมนต์พระเกจิอาจารย์ ชื่อดังเช่นหลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม มาปลุกเสกโดยนำเอาตุ๊กตาโดเรมอนเข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษกด้วย จากนั้นนำมาเก็บไว้ในกุฏิไม่ได้เป็นพิธีกรรมของขลังอะไร จนกระทั่งนางพลับพลึงเดือดร้อนมาหาอาตมาจึงให้ตุ๊กตาไปเพื่อคอยดูแลคุ้มครอง ชีวิตเพราะนางพลับพลึงป่วยมากแพทย์แจ้งว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่นับจากวันที่รับตุ๊กตาไปสุขภาพร่างกายของนางพลับพลึงก็ดีขึ้น
เมื่อ เวลา 20.30 น. วันที่ 1 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่วัดมหาโลก ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา มีการจัดงานศพให้กับตุ๊กตา จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่าภายในวัดมีการแสดงลิเกมีร้านค้ามาตั้งขายของ บริเวณศาลาการเปรียญมีการจัดงานศพเหมือนกับงานศพคนปกติ มีหีบศพไม้สักลวดลายงดงามขนาดเล็กยาวประมาณ 1 เมตร ตั้งอยู่บนแท่น มีภาพเด็กผู้หญิงตั้งหน้าศพ ระบุชื่อน้อง จิเหว่ย นาคทอง ชาตะ 17 ก.พ. 2549 มรณะ 18 ต.ค. 2552 คู่กับหีบศพผู้ใหญ่ โดยมี ประชาชนมาร่วมในงานศพกว่า 100 คน มีนางพลับพลึง งามเจริญ อายุ 48 ปี ชาว ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา นั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมอยู่กับครอบครัว หลังสวดพระอภิธรรมศพจบ ทางเจ้าภาพมีการแจกเงินและขนมให้กับเด็กๆ กว่า 100 คน
นางพลับพลึง เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม่บ้านอยู่ที่โรงพยาบาลราชธานี ที่มาจัดงานศพให้กับตุ๊กตาโดเรมอนตัวใหญ่ โดยที่มาของเรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด ท้อแท้ต่อชีวิตเพราะปัญหาเรื่องงานและปัญหาครอบครัวทับถมเข้ามา จึงหันไปพึ่งทางธรรม วัดไหนที่มีชื่อเสียงจะเดินทางไปหาทั้งหมด จนไปพบพระครูนิเวศธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม ต.พุแค อ.เฉลิม พระเกียรติ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 49 โดยพระครูนิเวศธรรมคุณ ให้ยาสมุนไพรลักษณะ ผงมาให้กินและพูดให้กำลังใจ จากนั้นมอบตุ๊กตาโดเรมอนให้มาเลี้ยงเหมือนลูก บอกว่าจะให้คุณและทำให้จิตใจสบาย
นางพลับพลึง กล่าวว่า จากนั้นตนจึงนำมาเลี้ยงเอาไว้ และมีความรู้สึกเหมือนมีชีวิต มีน้ำหนักโตขึ้นทุกวัน เวลาอุ้มหรือเวลานอนจะเหมือนเขาเป็นเด็กอ่อนคนหนึ่ง เราก็เลี้ยงและดูแลเหมือนเด็ก เวลานอนอยู่เหมือนเขามาคอยดูแลมานอนด้วย เวลาจะทำอะไรไม่ดีก็รู้สึกเหมือนมีคนเตือน และทำให้มีโชคลาภ ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลบ่อยๆ จนทำให้ฐานะดีขึ้น คนใน ครอบครัวคนใกล้ชิดที่ทำมาค้าขายการงานชีวิตทุกคนก็ดีขึ้น พอถึงวันเกิดของจิเหว่ยจะจัดงานวันเกิดให้มีการแสดงดนตรีมีเลี้ยงโต๊ะ จีนกว่า 50 โต๊ะ จากสภาพบ้านเก่าๆ พอเป็นที่หลบฝนอาศัยซุกหัวนอนตนสามารถสร้างบ้านในราคากว่า 1 ล้านบาทได้ ทรัพย์สินเงินทองมีไม่ขาดมือ
นางพลับพลึง กล่าวต่ออีกว่า เวลาไปไหนมาไหนก็จะพาไปด้วย โดยเลี้ยงดูเหมือนลูก แม้ว่าจะมีลูกชายและลูกสาว 2 คน ทุกคนก็เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้องก็รักตุ๊กตาตัวนี้เหมือนลูกหลาน โดยเมื่อปีที่ผ่านมาเพิ่งพา ไปฝากเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่ ต.โพธิ์สามต้น อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งชื่อว่าน้องจิเหว่ย โดยทุกวันจะจ้างให้จักรยานยนต์รับจ้างพาไปส่ง และรับกลับมาหลังเลิกเรียน ในห้องเรียนที่น้องจิเหว่ยเรียนจะมีโต๊ะเรียนมีที่นอนมีตู้ล็อกเกอร์เหมือน กับเด็กๆ ทั่วไป เพื่อนๆ ของน้องจิเหว่ยก็รัก ไม่มีใครกลัวน้องจิเหว่ย เวลาพักจะพาน้องจิเหว่ยไปเล่นด้วย ไปซื้อขนมเหมือนเด็กทั่วไปเช่นกัน
จน กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 18 ต.ค. 52 เวลาประมาณ 01.20 น. ฝันว่าน้องจิเหว่ยมาโบกมือลาบอกว่าขอลาไปก่อนขอให้แม่ช่วยทำบุญจัดงานศพ เหมือนคนทั่วไปให้ด้วย จึงนำร่างจิเหว่ยไปให้กับพระครูนิเวศธรรมคุณ สวดพระอภิธรรมศพที่วัดสามัคคีธรรม จนกระทั่งนำกลับมาวันที่ 3 ม.ค. 53 เนื่องจากคิดถึง และพอได้เวลาจึงจัดงานศพให้ดังกล่าว โดยจัดให้มีการสวดพระอภิธรรมทุกคืน ใช้เงินเกือบ 2 แสนบาท และจะทำการฌาปนกิจในวันที่ 2 ก.พ. เวลา 16.00 น.
ด้านพระครูนิเวศ ธรรมคุณ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะพบกับนางพลับพลึง อาตมาไปร่วมงานฝังลูกนิมิตที่วัดแห่งหนึ่งมีการชุมนุมเทวดา นิมนต์พระเกจิอาจารย์ ชื่อดังเช่นหลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม มาปลุกเสกโดยนำเอาตุ๊กตาโดเรมอนเข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษกด้วย จากนั้นนำมาเก็บไว้ในกุฏิไม่ได้เป็นพิธีกรรมของขลังอะไร จนกระทั่งนางพลับพลึงเดือดร้อนมาหาอาตมาจึงให้ตุ๊กตาไปเพื่อคอยดูแลคุ้มครอง ชีวิตเพราะนางพลับพลึงป่วยมากแพทย์แจ้งว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่นับจากวันที่รับตุ๊กตาไปสุขภาพร่างกายของนางพลับพลึงก็ดีขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)