หนึ่งในฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ยังคงส่งต่อถึงกันตั้งแต่หลายปีก่อน มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หมดไป และสร้างความฉงนให้กับผู้รับเป็นอย่างมาก นั่นคือ เรื่อง เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย ที่มักจะมีคนเขียนข้อความทำนองว่า "อย่ารับเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้เป็นอันขาด เพราะคุณอาจเสียชีวิตได้" จนมีผู้เรียกขานเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ เหล่านั้นว่า เบอร์มรณะ แม้กระทั่งภาพยนตร์เรื่อง 999-9999 ต่อ - ติด - ตาย ก็ยังมีพล็อตกล่าวถึง เบอร์มรณะ เช่นกัน ทำให้หลายคนสงสัยว่า จริง ๆ แล้ว เบอร์มรณะ มีจริงหรือแกล้งกันเล่นแน่
ล่าสุด กระแสข่าว เบอร์มรณะ กำลังถูกกระพืออีกครั้งผ่านปากต่อปากในหลายจังหวัดของภาคเหนือ โดยมีเสียงโจษจันต่อ ๆ กันมาว่า "ระวัง! ห้ามรับโทรศัพท์เบอร์ 083336xxxx , 083336xxxx , 083333xxxx เด็ดขาด เพราะคุณจะจบชีวิตลงแน่นอน" พร้อมกับระบุว่า มีหลายคนที่เสียชีวิตอย่างปริศนาจาก เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย นี่มาแล้ว
นอกจากนี้ ข่าวลือยังระบุอีกว่า เบอร์มรณะ ที่โทรศัพท์เข้ามาจะโชว์เป็นเบอร์สีแดง โดยทุกคนที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์สีแดง จะเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีการอ้างว่า หลายจังหวัดในภาคเหนือมีผู้เสียชีวิตจาก เบอร์มรณะ มาหลายคนแล้ว โดยมีอาการแก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายปุ๊ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ชั้นปีที่ 3 ของสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ตกเป็นเหยื่อเบอร์โทรศัพท์มรณะจนล้มป่วยนอนซมอยู่ที่ รพ.ห้างฉัตร เมื่อผู้สื่อข่าวรุดไปตรวจสอบ ก็พบว่านายปุ๊อยู่ในชุดคนไข้นอนซมอยู่บนเตียง ภายในตึกผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยสามัญชาย สภาพมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง และมีนางแก้ว (นามสมมติ) มารดา นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ด้วยความห่วงใย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปาก แต่นายปุ๊ปฏิเสธที่จะเล่าให้ฟังพร้อมมีสีหน้าหวาดผวาเล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่ายังผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น พอนึกถึงหรือพูดถึงที่ไร จะมีอาการแข้งขาชา แน่นหน้าอกหายใจติดขัด อย่างไรก็ดี นายปุ๊ได้ให้มารดาเล่าให้ฟังแทน
นางแก้วเปิดเผยว่า ลูกชายเล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ ผ่านมา ขณะนั่งเล่นอยู่ในห้องบนบ้าน เพื่อนคนหนึ่งก็โทรฯ เข้าโทรศัพท์มือถือลูกชาย หลังคุยกันได้ 2-3 นาที ก็วางสายไป คราวนี้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ลูกชายก็คิดว่าเป็นเพื่อนคนเดิมโทรฯ มา แต่พอรับสายยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ ก็มีเสียงคล้ายคนสวดมนต์เป็นภาษาบาลี หรือภาษาอะไรไม่แน่ใจ สำเนียงเนิบ ๆ ช้า ๆ น่าขนลุก พอฟังไป ได้แป๊บเดียวลูกชายก็มีอาการขนลุกวาบตัวชา รุ่มร้อนเหมือนร่างกำลังถูกไฟเผาทั้งเป็น จึงรีบโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง และวิ่งหน้าตาซีดเซียวลงมาหาบิดา พยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่กลับพูดจาไม่ได้ศัพท์ บิดาจับตัวดูเห็นตัวเย็นเฉียบ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และดวงตาลุกวาวเหมือนหวาดกลัวอะไรอย่างหนัก จึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ อปพร.ของ อบต.หนองหล่ม นำตัวส่ง รพ. แพทย์พาตัวเข้าห้องฉุกเฉินฉีดยาและให้น้ำเกลือ พร้อมให้นอนรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ ตนจึงมาเฝ้าดูแลลูกชายด้วยความเป็นห่วง
หลังนางแก้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเสร็จ นายปุ๊ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า ตอนที่ได้ยินเสียงสวดมนต์ ก็นึกถึงข่าวลือเรื่องเบอร์โทรฯ มรณะขึ้นมาทันที ตอนแรกก็คิดว่าเพื่อนคนเดิมโทรฯ มาแกล้ง แต่พอโทรฯ สวนกลับไป ปรากฏว่าไม่ใช่และไม่มีคนรับสายด้วย พร้อมกันนี้นายปุ๊ได้บอกเบอร์โทรศัพท์ฯ ดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.ศิริชัย ภัทรนุภากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลำปาง โดยได้ให้ความเห็นว่า นักศึกษาคนดังกล่าวอาจเกิดอาการคล้ายอุปาทานหมู่ที่เคยเกิดขึ้น กับเด็กนักเรียนก่อนหน้านี้ โดยเพื่อนอาจจะโทรฯ มาล้อเล่น จนเกิดหวาดกลัวอย่างหนัก แต่คงต้องดูด้วยว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ รวมทั้งหากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาจทำให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ จึงขอเตือนผู้ที่นำเรื่องนี้มากลั่นแกล้งกัน ว่า อาจเป็นการทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ สำหรับเรื่อง เบอร์มรณะ นั้น เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สกทช.) กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวได้สร้างผลกระทบอย่างมาก ขนาดที่บางหมู่บ้านตื่นตระหนก จนมีการปิดโทรศัพท์มือถือหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
"จากการตรวจสอบเลขหมายที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่า เป็นเลขหมายระบบเติมเงินในเครือข่ายเอไอเอส 3 เลขหมายและรายเดือน 1 เลขหมาย แต่ทั้ง 4 หมายเลขมีผู้ใช้บริการอยู่ และต้องเดือดร้อนคอยรับโทรศัพท์จากผู้คนจำนวนมากที่ต้องการสอบถามข้อเท็จจริง เป็นการรบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง จนบางรายต้องปิดเครื่องตลอดเวลา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนี้แต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดการโทรไปที่หมายเลขที่เป็นข่าว"
ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า ข่าวลือดังกล่าวกำลังลามไปเรื่อย ๆ ซึ่งทุกประเด็นล้วนไม่มีมูลความจริง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการปล่อยไวรัสผ่านโทรศัพท์มือถือทำให้เครื่องระเบิด หรือปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงทำให้แก้วหูทะลุ เพราะหากเป็นไวรัสจะมีผลทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือหยุดทำงานเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ระเบิดได้ และปัญหาไวรัสจะเกิดได้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น อีกทั้งการระเบิดของโทรศัพท์มือถือจะเกิดจากส่วนแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีการเพิ่มชิปเพื่อป้องกันการลัดวงจรของแบตเตอรี่แล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องการส่งคลื่นเสียงทำให้แก้วหูทะลุนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เพราะแก้วหูจะทะลุได้ไม่ขึ้นกับความถี่แต่ขึ้นกับความดังของเสียง คือประมาณ 160 เดซิเบล ขณะที่ลำโพงโทรศัพท์มือถือไม่สามารถส่งเสียงดังในระดับนั้นได้ หรือแม้แต่เครื่องสลายการชุมนุมด้วยคลื่นเสียงที่ราชการใช้อยู่ ก็ดังสูงสุดที่ 151 เดซิเบลเท่านั้น การส่งคลื่นเสียงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อให้แก้วหูทะลุจึงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ ผอ.สบท.ยังเตือนว่า การโพสต์เลขหมายตามข่าวลือในอินเทอร์เน็ตหรือส่งต่อทางอีเมล์เป็นการสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้บริการเลขหมายดังกล่าว และตรวจสอบแล้วเป็นข้อความที่ไม่เป็นความจริง ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ผู้ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวตอร์ ผู้ที่เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อความเกี่ยวกับเบอร์อันตรายรับแล้วตาย ซึ่งเป็นความเท็จ และทำให้เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย ถูกรบกวนสิทธิ และได้รับเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง จึงมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ม. 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท และมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 326
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่อง เบอร์มรณะ ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แพร่สะพัด ว่า หากผู้ใดรับโทรศัพท์ที่มีเบอร์แปลก ๆ ที่ลงท้ายหรือขึ้นต้นด้วยเลขตอง เช่น 081-333 xxxx หรือ 083-xxxx 444 หรือเบอร์โทรฯ ที่ตัวเลขเป็นสีแดงโชว์ที่หน้าจอโทรศัพท์ ผู้รับจะช็อกตายอย่างไม่ทราบสาเหตุทันที และลือกันว่าที่ผ่านมามีคน เสียชีวิตไปแล้วหลายรายในหลายหมู่บ้านทางภาคเหนือ โดยข่าวลือดังกล่าวได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งจากการบอกเล่าปากต่อปาก และโทรศัพท์บอกกันเป็นทอด ๆ ในเหล่าบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
นางนวล (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ชาวบ้านใน อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องเบอร์โทรฯ ที่ชาวบ้านร่ำลือกัน จนทำให้หวาดระแวงไปทั่วอำเภอนั้น ตนก็รู้ข่าวมาจากญาติที่อยู่ใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้โทรศัพท์มาบอกว่า คนในหมู่บ้านที่นั่นได้รับโทรศัพท์หมายเลขแปลก ๆ ที่โทรฯ เข้ามา พอรับโทรศัพท์ได้สักพักจะเกิดอาการชักกระตุก หน้าเขียวซีด และเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุในเวลาต่อมา ทั้งที่ปกติแล้วสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี นอกจากนี้บางรายพอรับโทรศัพท์มรณะปุ๊บจะล้มลงและเสียชีวิตทันที
ทั้งนี้ ไม่เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.ไชยปราการ เท่านั้น ในเขตพื้นที่ อ.เชียงดาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็มีข่าวลือเช่นเดียวกันนี้แพร่กระจายอย่างหนักเช่นกัน ทำให้ทุกคนในอำเภอตอนนี้ต่างก็โทรศัพท์ไปหาญาติพี่น้อง และลูกหลานที่มีโทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์บ้าน ว่าหากมีใครโทรฯ มาหรือเบอร์แปลก ๆ อย่ารับสายเด็ดขาด ซึ่งตนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจริงเท็จแค่ไหน แต่รู้ต่อ ๆ กันมาว่ามีคนเสียชีวิตไปแล้วหลายคน แม้กระทั่งในต่างจังหวัด เช่นที่ จ.ลำปาง จ.น่าน และ จ.พะเยา ก็มีเรื่องในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน
ด้านนางสาวเมย์ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นชาวไทยใหญ่ บ้านอยู่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนมาทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ และเมื่อไม่นานมานี้แม่ซึ่งอยู่บ้านที่ อ.ฝาง ได้ลงจากดอยและโทรศัพท์มาบอกว่า หากมีเบอร์แปลก ๆ ที่ขึ้นต้นด้วยเลขตองตั้งแต่ 000-999 อย่ารับสายเด็ดขาด ถ้ารับแล้วจะตาย ตอนนี้กลุ่มไทยใหญ่ก็ตายไปแล้วหลายคน ซึ่งตนได้จดเบอร์แปลกต่าง ๆ ที่แม่บอกไว้ใส่ติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา และตอนนี้รู้สึกกลัว ไม่กล้ารับโทรศัพท์มือถืออีกเลย หากไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคย หรือเบอร์ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าจะตายจริง ๆ
"ตอนนี้ในกลุ่มไทยใหญ่ร่ำลือกันว่าเป็นเรื่องลี้ลับ อาจจะเป็นเบอร์ของคนตายที่ตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง พอรับปุ๊บก็จะมีลักษณะคล้ายโดนไฟฟ้าช็อต หรือมีคลื่นความถี่บางอย่างเข้ามาที่หูอย่างแรง ทำให้แก้วหูแตกถึงขั้นหมดสติ และเลือดคั่งในสมองจนตาย" สาวชาวไทยใหญ่ กล่าว
ขณะที่ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ลำปาง รายงานว่า ขณะนี้หลายอำเภอทั่วทั้ง จ.ลำปาง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีคนเสียชีวิตหลายราย หลังจากรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่ง เบอร์มรณะ โทรฯ เข้ามา โดยเฉพาะ บ้านไร่ หมู่ 4 ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง มีชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 3 รายนั้นผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปที่นายชำนาญ เลียบโลก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวเมือง ระบุว่า ข่าวที่มีผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่จากการสำรวจพบว่าชาวบ้านเกิดความกลัว และมีความเชื่อในเรื่องเบอร์มรณะจริง
"ข่าวลือเบอร์โทรศัพท์อันตรายนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่เมื่อมีข่าวลือมาจะไปบังคับให้แต่ละคนไม่ให้เชื่อก็เป็นไปไม่ได้ แต่ควรใช้วิจารณญาณด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ามีข่าวลือจริง และชาวบ้านในอำเภอเมืองปานก็พากันหวาดกลัวเบอร์โทรฯ มรณะนี้ โดยบางคนเชื่อว่าเมื่อรับเบอร์โทรฯ มรณะ จะมีการปล่อยคลื่นความถี่สูงผ่านโทรศัพท์มายังผู้รับจนทำให้เสียชีวิต ซึ่งในเรื่องนี้ผมจะได้รายงานไปยังฝ่ายปกครองให้ได้รับทราบว่า ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ด้วยสาเหตุจากข่าวลือดังกล่าวแต่อย่างใด" นายก อบต.หัวเมือง กล่าว
ด้านที่จังหวัดแพร่่ เกิดกระแสข่าวลือ เบอร์มรณะ 3 หมายเลขคือ 087-576XXXX 08-3333-xxxx และ 08-9336-xxxx ถ้าใครรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าว จะต้องชะตาขาดเสียชีวิตทันที โดยลือว่าที่ จ.น่าน มีผู้รับเบอร์โทรฯ มรณะจนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 40 ราย แถมล่าสุดมีรายงานว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีเสียงตามสายของงานประชาสัมพันธ์วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ ประกาศเตือนนักศึกษาให้ระมัดระวัง อย่ารับโทรศัพท์ทั้งสามหมายเลขดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ทางผู้อำนวยการของวิทยาลัยดังกล่าวได้ออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าทางวิทยาลัยไม่ได้ประกาศเตือนนักศึกษา หรือบอกให้นักศึกษางดการรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่ขาดหลักการ และไม่มีเหตุผลเพียงพอให้น่าเชื่อถือได้
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้ลองโทรศัพท์ไปยัง เบอร์มรณะ ทั้ง 3 หมายเลข พบ ว่าหมายเลข 087-576XXXX มีผู้รับสายเป็นชาย แต่พูดสำเนียงภาษาไทยไม่ชัด โดยบอกว่าอยู่ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อสอบถามถึงกระแสข่าวลือดังกล่าว เจ้าของโทรศัพท์ได้ปิดโทรศัพท์ทันที และจากนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกเลย ส่วนอีก 2 หมายเลขพบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่มีในระบบของโทรศัพท์
ขณะที่เมื่อได้ทดลองโทรติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ 08-333-6XXX ระบบปลายสายตอบกลับมาว่า "หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่ได้เปิดใช้บริการ" ส่วนอีก 2 เบอร์ คือ 08-3336-6XXX และ เบอร์ 0-83-3336XXX นั้น เมื่อลองกดไปปลายสายจะเงียบไปราว 1-3 วินาที หลังจากนั้นก็เป็นเสียง "กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ" สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่โทรไปเป็นอย่างมาก แต่บางจังหวะของเบอร์ทั้ง 2 ที่ว่ากลับเป็นสัญญาณสายไม่ว่าง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจพรีเพด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดีแทค และ แฮปปี้ ซึ่งนายธนากล่าวว่า ที่มีข่าวลือว่าเมื่อรับโทรศัพท์อาถรรพ์เบอร์ใดเบอร์หนึ่งใน 3 เบอร์จะทำให้แก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง และเสียชีวิตตามข่าวนั้น ขอยืนยันว่าไม่จริงอย่างแน่นอน คิดว่ากอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า
"ตั้งแต่ผมทำงานมาผมเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งความจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมเคยเห็นแต่ในหนัง หนังสือการ์ตูน อย่างไรก็ดีจากที่ผมเช็คดูเบอร์ทั้งหมดเป็นโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ของเครือข่ายหนึ่ง แต่ได้ยกเลิกหมายเลยดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นขอให้ทุก ๆ คน อย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นแค่คนที่คึกคะนองเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องการตลาดหรือการกลั่นแกล้งของคู่แข่งนั้น ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้" นายธนา กล่าว
ด้าน นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวยการสำนักบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเอไอเอส และวันทูคอล ยอมรับว่า เบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของบริษัทฯ โดยใช้ระบบเติมเงิน ซึ่งขณะที่ปิดบริการไปแล้ว อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เนื่องจากทางระบบจะกำหนดว่าสามารถให้วอลุ่มของเสียงได้เท่าใด เพื่อไม่ให้ กระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการ
"ผมไม่คิดว่าเป็นการทำลายชื่อเสียง น่าจะเป็นการส่งฟอร์เวิร์ดเมลของผู้ที่นึกสนุกเท่านั้น ส่วนถ้าหากเป็นการโปรโมตหนังหรือทำการตลาดขิงสินค้าใด โดยการมาใช้วิธีอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่ดีนัก เพราะว่าเป็นการสร้างความตกใจให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่สมควร" นายปรัธนา กล่าว
ด้านนางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ชี้แจงกรณี เบอร์มรณะเช่นกันว่า บริษัท ขอเรียนว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากในทางเทคนิคโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่สามารถส่งผ่านคลื่นความถี่ ในช่วงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนได้
ขณะที่ นพ.เอาชัย กาญจนพิทักษ์ ศัลยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตา หู รพ.เวชธานี เปิดเผยว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง ตามหลักการแพทย์นั้นเสียงโทรศัพท์ไม่สามารถทำให้คนแก้วหูแตกได้ การฟังเอ็มพี 3 ยังมีโอกาสจะทำให้แก้วหูได้รับผลกระทบมากกว่า
ในส่วน รศ.โกศล โอฬารไพโรจน์ หัวหน้าสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาภาคพายัพ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การที่มีกระแสข่าวลือไปทั่วภาคเหนือ ว่ามีเบอร์โทรศัพท์มรณะ หรือหมายเลขอันตราย เป็นเบอร์สีแดงโทรฯ เข้ามาเมื่อใครรับสายก็จะเสียชีวิตนั้น เรื่องนี้ตามหลักทฤษฎีด้านวิศวกรรมของโทรศัพท์มือถือนั้น ก่อนที่ผู้ผลิตจะนำมือถือออกจำหน่าย จะต้องมีการทดสอบอุปกรณ์และความพร้อมของโทรศัพท์ก่อนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการจำกัดคลื่นเสียง ว่าสมควรให้ได้ยินในระดับไหน หากคลื่นความถี่เสียงสูงเกินไป ก็จะถูกอุปกรณ์ที่อยู่ภายในหรือตัวกรองความถี่เสียง ตัดเสียงดังกล่าวออกไป ดังนั้นเรื่องการรับโทรศัพท์แล้วทำให้เสียชีวิตนั้น คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีเบอร์โทรศัพท์อาถรรพ์ทำนี้ออกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน โดยเบอร์ที่ระบุว่าเป็นเบอร์อาถรรพ์แต่ละเบอร์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์ที่สวย เช่น เบอร์เรียง และเบอร์ตอง โดยเคสที่ถือว่าเป็นเคสแรก ๆ ของเบอร์อาถรรพ์ ก็คือเบอร์โทรศัพท์ของศูนย์นารายณ์ โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์เก่าแก่คนหนึ่งกล่าวกับเราว่า เมื่อก่อนมีคนโทรศัพท์ที่เบอร์นี้มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความคึกคะนอง แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น